ภาวะการซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT ในวันพุธ (29 ม.ค.) สัญญาธัญพืชปิดบวกทั้งกระดาน หลังฝนตกน้อยกว่าที่คาด ประกอบกับพยากรณ์อากาศที่ระบุว่า อากาศจะร้อนจัดและแห้งแล้งในพื้นที่ปลูกข้าวโพดและถั่วเหลืองของอาร์เจนตินาที่กำลังขาดน้ำอยู่แล้ว ด้านราคาข้าวสาลีก็ปรับขึ้นตาม โดยได้อานิสงส์จากความต้องการที่มากขึ้น
ทั้งนี้ สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 11.75 เซนต์ หรือ +2.42% ปิดที่ 4.9700 ดอลลาร์/บุชเชล, สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 17.25 เซนต์ หรือ +3.16% ปิดที่ 5.6250 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 15.50 เซนต์ หรือ +1.48% ปิดที่ 10.6050 ดอลลาร์/บุชเชล
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นักลงทุนกำลังจับตาว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ จะประกาศขึ้นภาษีนำเข้า 25% กับสินค้าจากแคนาดาและเม็กซิโกในวันเสาร์นี้ (1 ก.พ.) ตามที่ขู่ไว้หรือไม่ ซึ่งหากทำจริง ก็อาจทำให้ 2 ชาติที่เป็นผู้นำเข้าพืชผลรายใหญ่ของสหรัฐฯ ออกมาตรการตอบโต้
"เรื่องภาษีนำเข้าเป็นปัญหาใหญ่ที่ไม่มีใครกล้าพูดถึง ทุกคนกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง" เทอร์รี ลินน์ รองประธานบริษัท Linn and Associates กล่าว
ราคาข้าวโพดและข้าวสาลีมีปัจจัยหนุนจากคาดการณ์ว่า ผลผลิตทั่วโลกจะตึงตัว ขณะที่ถั่วเหลืองในบราซิลมีการทยอยเก็บเกี่ยวจำนวนมาก ทำให้ราคาถั่วเหลืองขยับขึ้นได้ไม่มาก
ฝนที่ตกในอาร์เจนตินาช่วยบรรเทาภัยแล้งในพื้นที่ปลูกข้าวโพดและถั่วเหลืองได้ไม่มาก ส่วนในบราซิล ฝนที่ตกลงมาทำให้การเก็บเกี่ยวถั่วเหลืองล่าช้า และส่งผลให้ต้องเลื่อนปลูกข้าวโพดรุ่น 2 (safrinha) ที่เป็นพืชเศรษฐกิจหลักของประเทศออกไป
"วันนี้พยากรณ์อากาศออกมาว่า อาร์เจนตินาจะมีฝนตกน้อยลงมาก ขณะที่บราซิลฝนจะกลับมาตกซ้ำในพื้นที่ที่ชุ่มน้ำอยู่แล้ว นี่เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยดันราคาให้พุ่งขึ้นในวันนี้" ลินน์กล่าว
ด้านตลาดธัญพืชบัวโนสไอเรสได้ออกมาปรับลดตัวเลขคาดการณ์ผลผลิตต่อไร่ของข้าวโพดและถั่วเหลืองในอาร์เจนตินาลงแล้ว
เจสัน สโนว์ รองประธานบริษัท Futures International กล่าวว่า กองทุนสินค้าโภคภัณฑ์ทยอยเพิ่มสถานะซื้อในตลาดสัญญาข้าวโพด หลังผลผลิตทั่วโลกตึงตัว ซึ่งยิ่งช่วยดันราคาให้พุ่งสูงขึ้น