ภาวะการซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT ในวันจันทร์ (3 ก.พ.) สัญญาธัญพืชปิดบวกทั้งกระดาน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ประกาศระงับการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกเป็นเวลาหนึ่งเดือน
ทั้งนี้ สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 6.75 เซนต์ หรือ +1.40% ปิดที่ 4.8875 ดอลลาร์/บุชเชล, สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 7.25 เซนต์ หรือ +1.30% ปิดที่ 5.6675 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 16.25 เซนต์ หรือ +1.56% ปิดที่ 10.5825 ดอลลาร์/บุชเชล
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ก่อนหน้านี้ ราคาสัญญาธัญพืชทั้งสามได้ทรุดตัวลง หลังจากที่ปธน.ทรัมป์สั่งเก็บภาษีนำเข้าในช่วงสุดสัปดาห์ โดยเก็บ 25% สำหรับสินค้าจากแคนาดาและเม็กซิโก และ 10% สำหรับสินค้าจากจีน ซึ่งสร้างความวิตกกังวลว่าจะลุกลามเป็นสงครามการค้าขนาดใหญ่ที่อาจส่งผลกระทบต่อสินค้าเกษตรของสหรัฐฯ
แต่ราคาข้าวโพด ข้าวสาลี และถั่วเหลืองพลิกกลับมาปรับตัวขึ้น หลังสหรัฐฯ และเม็กซิโกได้บรรลุข้อตกลงเลื่อนการเก็บภาษีสินค้าเม็กซิกัน โดยเม็กซิโกจะส่งกองกำลังรักษาดินแดนกว่าหมื่นนายไปประจำการที่ชายแดนทางเหนือ ขณะที่สหรัฐฯ จะช่วยสกัดกั้นการลักลอบนำอาวุธร้ายแรงเข้าเม็กซิโก
ส่วนการเก็บภาษีสินค้าแคนาดาก็จะถูกระงับไว้ 30 วันเช่นกัน ตามที่จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดาได้โพสต์ข้อความในเอ็กซ์ (ทวิตเตอร์) หลังจากตลาดปิดทำการในวันจันทร์
"ผมว่า การยืนยันว่าจะเลื่อนมาตรการออกไปหนึ่งเดือนและความคืบหน้าในการเจรจากับเม็กซิโกนั้น เป็นปัจจัยบวกที่ช่วยหนุนตลาดธัญพืชและพืชน้ำมันอย่างมาก" อาร์ลัน ซูเดอร์มาน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ด้านสินค้าโภคภัณฑ์ของ StoneX กล่าว
ซูเดอร์มานกล่าวเสริมว่า สัญญาธัญพืชเริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวก่อนที่จะมีการประกาศอย่างเป็นทางการ เนื่องจากจีนไม่ได้รีบร้อนประกาศมาตรการภาษีตอบโต้สินค้าสหรัฐฯ
สำหรับเม็กซิโกนั้น แม้จะเป็นประเทศที่นำเข้าข้าวโพดจากสหรัฐฯ มากที่สุด แต่จีนก็ยังครองแชมป์ตลาดนำเข้าถั่วเหลืองอันดับหนึ่ง ทั้งนี้ ทั้ง 3 ประเทศ ได้แก่ เม็กซิโก แคนาดา และจีน ยังนำเข้าสินค้าเกษตรอื่น ๆ จากสหรัฐฯ อีกหลายรายการ โดยเฉพาะข้าวสาลี