ภาวะการซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT ในวันจันทร์ (24 ก.พ.) สัญญาข้าวโพดลดลงจากระดับสูงสุดในรอบหลายเดือนที่ทำไว้เมื่อสัปดาห์ก่อน จากแรงกดดันของการเทขายทำกำไรและการคาดการณ์สภาพอากาศที่ดีขึ้นในอเมริกาใต้ ขณะที่สัญญาข้าวสาลีและถั่วเหลืองปรับตัวลงตามทิศทางราคาข้าวโพด ท่ามกลางการขาดปัจจัยบวกใหม่ ๆ ที่จะกระตุ้นตลาด
ทั้งนี้ สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 8.00 เซนต์ หรือ -1.58% ปิดที่ 4.9700 ดอลลาร์/บุชเชล, สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 10.50 เซนต์ หรือ -1.74% ปิดที่ 5.9350 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 9.75 เซนต์ หรือ -0.92% ปิดที่ 10.4750 ดอลลาร์/บุชเชล
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า การปรับตัวลงของราคาข้าวโพดกำหนดทิศทางตลาด โดยกองทุนสินค้าโภคภัณฑ์ถือครองสถานะซื้อสุทธิในสัญญาข้าวโพด CBOT จำนวนมหาศาล ทำให้ตลาดเสี่ยงเผชิญกับการเทขายเพื่อปิดสถานะซื้อ
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (21 ก.พ.) ราคาข้าวโพดปรับตัวลงและปริมาณสัญญาคงค้างลดลง ข้อมูลของ CBOT แสดงให้เห็นว่า นักลงทุนกำลังทยอยปิดสถานะซื้อ
"แนวโน้มดังกล่าวยังคงต่อเนื่องวันนี้ โดยมีแรงขายเพิ่มขึ้นเนื่องจากแนวโน้มผลผลิตข้าวโพดในอเมริกาใต้ปรับตัวดีขึ้น และคาดการณ์ว่าพื้นที่เพาะปลูกข้าวโพดสหรัฐฯ ในฤดูกาลเพาะปลูกใหม่จะเพิ่มขึ้น" อาร์ลัน ซูเดอร์มาน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์สินค้าโภคภัณฑ์ของ StoneX ระบุในบทวิเคราะห์
กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ (USDA) มีกำหนดเผยแพร่ประมาณการผลผลิตพืชผลในการประชุม Agricultural Outlook Forum ประจำปีวันที่ 27 ก.พ.นี้ CoBank สถาบันการเงินที่ปล่อยสินเชื่อภาคเกษตร คาดการณ์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า เกษตรกรสหรัฐฯ จะเพาะปลูกข้าวโพดในพื้นที่ 94.55 ล้านเอเคอร์ในปี 2568 เพิ่มขึ้นประมาณ 4% จากปี 2567
"ตลาดเริ่มคาดการณ์ว่า USDA จะปรับเพิ่มประมาณการพื้นที่เพาะปลูกข้าวโพดสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ ซึ่งส่งผลให้ราคาลดลงหลังจากทำจุดสูงสุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว" แมตต์ แอมเมอร์แมนน์ ผู้จัดการความเสี่ยงสินค้าโภคภัณฑ์ของ StoneX กล่าว
ราคาถั่วเหลืองไม่ได้รับผลกระทบมากนักแม้ว่าบริษัทที่ปรึกษา AgRural จะปรับลดประมาณการผลผลิตถั่วเหลืองของบราซิลลงเหลือ 168.2 ล้านเมตริกตัน จากเดิม 171 ล้านเมตริกตันที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนม.ค. หากประมาณการดังกล่าวเป็นจริง ก็จะยังคงเป็นการเก็บเกี่ยวถั่วเหลืองครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของบราซิล
สัญญาข้าวสาลีปรับตัวลงเนื่องจากไม่มีภัยคุกคามจากสภาพอากาศในซีกโลกเหนือ ประกอบกับการส่งออกทั่วโลกยังซบเซา
หน่วยงานพยากรณ์อากาศของรัฐบาลรัสเซียระบุว่า อากาศหนาวเย็นในช่วงปลายฤดูหนาวในพื้นที่เพาะปลูกทางตอนใต้ของประเทศไม่น่าจะสร้างความเสียหายอย่างมีนัยสำคัญต่อพืชผลในช่วงฤดูหนาว