ภาวะการซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT ในวันพุธ (5 มี.ค.) สัญญาธัญพืชปิดบวกทั้งกระดาน โดยฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดในรอบหลายเดือน หลังมีสัญญาณบ่งชี้ว่า สหรัฐฯ อาจลดภาษีนำเข้าที่เรียกเก็บจากแคนาดาและเม็กซิโก ซึ่งช่วยบรรเทาความกังวลของตลาดเกี่ยวกับความตึงเครียดด้านการค้าที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 4.25 เซนต์ หรือ +0.94% ปิดที่ 4.5575 ดอลลาร์/บุชเชล, สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 11.50 เซนต์ หรือ +2.14% ปิดที่ 5.4825 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 12.75 เซนต์ หรือ +1.28% ปิดที่ 10.1175 ดอลลาร์/บุชเชล
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ตลาดมีเสถียรภาพหลังจากที่มีแรงเทขายเกือบตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากความกลัวว่าภาษีนำเข้าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำหนดจะทำให้ความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์ของสหรัฐฯ ลดลง
"นี่เป็นการฟื้นตัวระยะสั้น มีสัญญาณบางอย่างว่า รัฐบาล (ทรัมป์) มึนงงกับปฏิกิริยาของตลาดที่มีต่อมาตรการภาษีนำเข้า และอาจพิจารณาผ่อนคลายนโยบายดังกล่าวบางส่วน" แจ็ค สโควิลล์ รองประธานของกลุ่ม Price Futures กล่าว
ทำเนียบขาวแถลงเมื่อวันพุธว่า ปธน.ทรัมป์จะยกเว้นภาษีนำเข้าสำหรับผู้ผลิตรถยนต์จากแคนาดาและเม็กซิโกเป็นเวลา 1 เดือน ตราบใดที่ทั้งสองประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามเงื่อนไขของข้อตกลงการค้าเสรีที่มีอยู่ พร้อมกล่าวว่าปธน.ทรัมป์เปิดรับฟังข้อเสนอเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่ควรได้รับการยกเว้น
ความเป็นไปได้ที่จะเกิดสงครามการค้าเต็มรูปแบบสร้างความปั่นป่วนให้กับตลาดการเงินและสร้างความกังวลให้กับนักลงทุนธัญพืชเกี่ยวกับภัยคุกคามต่อภาคการส่งออกสินค้าเกษตรของสหรัฐฯ มูลค่า 1.91 แสนล้านดอลลาร์
เทรดเดอร์และนักวิเคราะห์บางรายมองว่า การส่งออกธัญพืชของสหรัฐฯ ไปจีนในระยะอันใกล้นี้คงไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เพราะจีนแทบไม่ได้นำเข้าข้าวโพดและข้าวสาลีอยู่แล้วในช่วงนี้ ขณะที่สำหรับถั่วเหลืองนั้น จีนก็หันไปซื้อผลผลิตใหม่จากบราซิลเป็นหลักตามฤดูกาลอยู่แล้ว
"ตามฤดูกาลแล้ว นี่เป็นช่วงเวลาที่จีนพึ่งพาซัพพลายจากบราซิลมากขึ้น" ING ระบุในบันทึก
อนึ่ง บราซิลอยู่ระหว่างเก็บเกี่ยวถั่วเหลืองซึ่งคาดว่าจะทำสถิติผลผลิตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ปัจจัยดังกล่าวได้กดดันราคาถั่วเหลืองสหรัฐฯ มาตั้งแต่ก่อนหน้าที่ปธน.ทรัมป์จะประกาศใช้มาตรการภาษีนำเข้าในปีนี้