ภาวะการซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT ในวันพุธ (12 มี.ค.) สัญญาธัญพืชปิดลบทั้งกระดาน หลังรายงานของรัฐบาลเผยสต๊อกข้าวโพดสหรัฐฯ พุ่งเกินคาด ขณะที่มาตรการกีดกันทางการค้าล่าสุดของสหรัฐฯ และการตอบโต้จากยุโรปยิ่งซ้ำเติมความกังวลเรื่องภาวะชะงักงันทางการค้า
ทั้งนี้ สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 9.50 เซนต์ หรือ -2.02% ปิดที่ 4.6075 ดอลลาร์/บุชเชล, สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 2.75 เซนต์ หรือ -0.49% ปิดที่ 5.5400 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 10.75 เซนต์ หรือ -1.06% ปิดที่ 10.0050 ดอลลาร์/บุชเชล
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า มาตรการขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กกล้าและอะลูมิเนียมทั้งหมดของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ซึ่งเริ่มบังคับใช้ในวันพุธ ถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนปรับโครงสร้างการค้าโลกเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อสหรัฐฯ ส่งผลให้แคนาดาและยุโรปออกมาตรการตอบโต้ทันควัน
สหภาพยุโรป (EU) ประกาศเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ วงเงิน 2.6 หมื่นล้านยูโร (2.8 หมื่นล้านดอลลาร์) โดยจะเริ่มในเดือนเม.ย. ครอบคลุมสินค้าเกษตรหลายรายการ ทั้งถั่วเหลือง อัลมอนด์ และเนื้อหมู ด้านแคนาดา ผู้ส่งออกเหล็กกล้าและอะลูมิเนียมรายใหญ่สุดของสหรัฐฯ ก็ตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีนำเข้า 25% กับโลหะดังกล่าว พร้อมสินค้าอื่น ๆ อาทิ คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์กีฬา รวมมูลค่า 2.98 หมื่นล้านดอลลาร์แคนาดา
ไมค์ ซูโซโล ประธานบริษัท Global Commodity Analytics ระบุว่า มาตรการตอบโต้ดังกล่าวสร้างความกังวลแก่เทรดเดอร์ถึงผลกระทบต่อการส่งออกข้าวโพดและถั่วเหลืองไปยัง EU โดยเฉพาะหลังจีนหันไปนำเข้าจากแหล่งผลิตในอเมริกาใต้มากขึ้น จากผลพวงสงครามภาษีในช่วงที่ทรัมป์เป็นปธน.สมัยแรก
"คู่ค้าแสดงท่าทีแข็งกร้าวขึ้นชัดเจนกว่าสมัยรัฐบาลทรัมป์หนึ่ง เพราะมองว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันนี้เน้นการเจรจาต่อรอง พวกเขาจึงกดดันสหรัฐฯ หนักที่สุด เพื่อหวังให้สหรัฐฯ ยอมถอยบ้าง" ซูโซโลกล่าว
นอกจากนี้ การแข่งขันจากอเมริกาใต้ก็กดดันราคาถั่วเหลืองเช่นกัน โดยข้อมูลจากสมาคมผู้ส่งออกธัญพืช Anec คาดว่า บราซิลจะส่งออกถั่วเหลืองเดือนมี.ค.ได้ถึง 15.45 ล้านเมตริกตัน เพิ่มขึ้นกว่า 4% จากที่คาดการณ์สัปดาห์ก่อน เนื่องจากยังเก็บเกี่ยวผลผลิตใหม่ได้ต่อเนื่อง