รัฐบาลญี่ปุ่นรายงานในวันนี้ (14 เม.ย.) ว่า ราคาข้าวในประเทศพุ่งขึ้นแตะระดับเฉลี่ย 4,214 เยน (29 ดอลลาร์สหรัฐ) ต่อ 5 กิโลกรัม ซึ่งมากกว่าระดับเมื่อปีที่แล้วถึง 2 เท่า และแสดงให้เห็นว่ามาตรการระบายข้าวจากคลังสำรองช่วยชะลอราคาที่พุ่งสูงขึ้นได้เพียงเล็กน้อย
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ก่อนหน้านี้ รัฐบาลได้เปิดประมูลข้าวจากคลังสำรองประมาณ 212,000 ตันจำนวน 2 รอบ เพื่อช่วยกระจายสินค้าสู่ตลาด โดยบางส่วนเริ่มวางขายในช่วงปลายเดือนมี.ค.
แต่ราคาข้าวเฉลี่ยที่ขายในซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วประเทศระหว่างวันที่ 31 มี.ค. - 6 เม.ย. ก็ยังเพิ่มขึ้นอีก 8 เยนจากสัปดาห์ก่อนหน้า ทำให้เป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 14 และเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มมีการเก็บข้อมูลในเดือนมี.ค. 2565
ทาคุ เอโตะ รัฐมนตรีเกษตรของญี่ปุ่นระบุว่า สถานการณ์นี้ "ผิดปกติอย่างมาก" และเรียกร้องให้ผู้ค้าส่งและร้านค้าปลีกช่วยกันพยายามลดราคาข้าว พร้อมทั้งขอให้ "เข้าใจเจตนาและเป้าหมายของการขายข้าวจากคลังสำรอง"
รัฐบาลจะยังคงเดินหน้าเปิดประมูลข้าวจากคลังสำรองต่อไป โดยนายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะ ได้สั่งการเมื่อวันพุธให้กระทรวงเกษตรดำเนินการระบายข้าวเป็นประจำทุกเดือนตั้งแต่เดือนเม.ย. ไปจนถึงราวเดือนก.ค. โดยจะมีการเปิดประมูลข้าวเพิ่มเติมอีก 100,000 ตันภายในเดือนนี้
ส่วนสาเหตุหลักของราคาข้าวที่พุ่งสูงในครั้งนี้มาจากผลผลิตข้าวที่ลดลงในช่วงฤดูร้อนปี 2566 เนื่องจากอุณหภูมิที่สูง ส่งผลให้มีปริมาณข้าวกระจายสู่ตลาดได้น้อยลงในปี 2567