สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.ลดลง 32 เซนต์ ปิดที่ 106 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 31 เซนต์ ปิดที่ 109.40 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย.ปีนี้
ในช่วงแรกนั้นตลาดได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ โดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวม ซึ่งรวมการผลิตที่โรงงาน เหมืองแร่ และสาธารณูปโภค เพิ่มขึ้น 0.3% ซึ่งมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% และเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. หรือในรอบ 4 เดือน
ขณะที่สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติของสหรัฐ (NAHB) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านสหรัฐเพิ่มขึ้น 6 จุด สู่ระดับ 57 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน และเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2549 เนื่องจากกลุ่มผู้ซื้อบ้านมีมุมมองที่เป็นบวกมากขึ้นเกี่ยวกับยอดขาย แม้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อบ้านปรับตัวสูงขึ้นก็ตาม
แต่สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงในเวลาต่อมา เนื่องจากแรงขายทำกำไร และหลังจากดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลดลงเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทหลายแห่งในสหรัฐ รวมถึง โคคา-โคลา
สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 12 ก.ค.ในวันพุธนี้เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบของสรหัฐจะร่วงลง 2.5%