ทั้งนี้ เฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ที่ระดับ 0 - 0.25% ในการประชุมระยะเวลา 2 วันซึ่งเสร็จสิ้นเมื่อวานนี้ (31 ก.ค. ) พร้อมกับย้ำว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำเป็นพิเศษต่อไป นอกจากนี้ เฟดยังประกาศว่าจะยังคงเดินหน้าโครงการซื้อสินทรัพย์ในวงเงินปัจจุบันที่ 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน เพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจและการจ้างงาน
ขณะที่สหพันธ์พลาธิการและการจัดซื้อของจีน (CFLP) เผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนในเดือนก.ค. ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยสู่ระดับ 50.3 จาก 50.1 ในเดือนมิ.ย. โดยนับเป็นเดือนที่ 10 ติดต่อกันที่ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีนเคลื่อนไหวเหนือระดับ 50 และบ่งชี้ว่าภาคการผลิตของจีนยังคงมีการขยายตัว
การฟื้นตัวของภาคการผลิตจีนและการตัดสินใจเดินหน้ามาตรการ QE ของเฟด ช่วยสกัดปัจจัยลบจากข้อมูลที่ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 26 ก.ค.ขงสหรัฐเพิ่มขึ้น 431,000 บาร์เรล แตะที่ 364.6 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะร่วงลง 2.3 ล้านบาร์เรล
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลด้านแรงงานของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 27 ก.ค.ในวันนี้ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 345,000 ราย จากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ระดับ 343,000 ราย