สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 72 เซนต์ ปิดที่ 106.83 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 85 เซนต์ ปิดที่ 109.82 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ได้รับแรงหนุนหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดค้าปลีกปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนก.ค. ซึ่งน้อยกว่าที่เพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนมิ.ย. และต่ำกว่าการคาดการณ์ที่ 0.3% อยู่เล็กน้อย สะท้อนว่าผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น ท่ามกลางการว่างงานที่ยังอยู่ในระดับสูง ค่าแรงที่ทรงตัว และภาษีที่สูงขึ้น
ขณะเดียวกัน กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ราคานำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ค. หลังจากที่ลดลงตลอด 4 เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นมาก ด้านราคาส่งออกในเดือนก.ค.ลดลง 0.1% เป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน ซึ่งทั้งราคานำเข้าและส่งออกในเดือนก.ค.ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
นักลงทุนจับตาดูสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 9 ส.ค.ในวันพุธนี้ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบจะลดลงราว 1.3-1.5 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะเพิ่มขึ้นราว 600,000-800,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 900,000 บาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะลดลง 0.3% จากระดับ 90.9% นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับปัจจัยบวกจากสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ ซึ่งทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการส่งออกน้ำมันของภูมิภาค โดยมีรายงานว่าเหตุประท้วงในลิเบียส่งผลให้มีการปิดคลังน้ำมันเมื่อไม่นานมานี้ และทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับการส่งออกน้ำมันของประเทศ