ความวิตกกังวลดังกล่าวมีขึ้นหลังจากมีรายงานว่าอังกฤษและฝรั่งเศสประกาศว่าจะรอผลการตรวจสอบจากสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ว่า มีการใช้อาวุธเคมีสังหารประชาชนในซีเรียจริงตามข้อกล่าวหาหรือไม่ ก่อนที่จะดำเนินการใดๆต่อไปกับซีเรีย
ทั้งนี้ รัฐบาลอังกฤษเปิดเผยญัตติที่ระบุว่า อังกฤษอาจจะไม่ใช้กำลังทหารต่อซีเรีย จนกว่ายูเอ็นจะเสร็จสิ้นการตรวจสอบข้อกล่าวหาประเด็นการใช้อาวุธเคมีในซีเรีย โดยญัตติดังกล่าว ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากเจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสของรัฐบาลอังกฤษที่เข้าร่วมการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ มีใจความว่า "เลขาธิการสหประชาชาติควรรายงานสรุปต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติสหประชาชาติในทันที่ที่ภารกิจการตรวจสอบเบื้องต้นในซีเรียเสร็จสมบูรณ์"
ด้านนายชัค ฮาเกล รมว.กลาโหมของสหรัฐซึ่งก่อนหน้าได้ออกมายืนยันหลักฐานที่ว่าซีเรียใช้อาวุธเคมีสังหารประชาชนนั้น กล่าวว่า สหรัฐจะยังไม่ดำเนินการใดๆกับซีเรียโดยไม่ได้รับความร่วมมือจากประเทศพันธมิตร
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงาน (EIA) ของสหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 23 ส.ค.พุ่งขึ้น 3 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 362 ล้านบาร์เรล ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงราว 100,000-150,000 บาร์เรล
นักลงทุนจับตาดูกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่สองของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริงประจำไตรมาส 2/2556 ในวันนี้เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าจีดีพีจะขยายตัว 2.2% เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับตัวเลขประมาณการครั้งแรกที่ขยายตัว 1.7%