สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.ร่วงลง 1.31 ดอลลาร์ ปิดที่ 107.23 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 77 เซนต์ ปิดที่ 114.91 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงเนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบรุนแรงของการบุกโจมตีซีเรียที่จะมีต่อภาวะอุปทานน้ำมันในตะวันออกกลาง หลังจากมีข้อมูลบ่งชี้ว่าสหรัฐอาจจะโจมตีซีเรียแค่ในวงจำกัดเท่านั้น
ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการวิเทศสัมพันธ์ของวุฒิสภาสหรัฐ ได้บรรลุข้อตกลงว่าด้วยร่างญัตติที่มีการปรับทบทวนเกี่ยวกับการให้อำนาจในการปฏิบัติการทางทหารต่อซีเรีย ซึ่งมีการกำหนดกรอบเวลาและห้ามไม่ให้สหรัฐปฏิบัติการภาคพื้นดินในซีเรีย
ร่างญัตติดังกล่าว ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากนายโรเบิร์ต เมเนนเดซ ประธานคณะกรรมาธิการและนายบ็อบ คอร์เกอร์ วุฒิสมาชิกจากพรรครีพับลิกันนั้น ได้กำหนดกรอบเวลา 60 วันสำหรับปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐในซีเรีย โดยอาจจะสามารถขยายระยะเวลาไปได้อีก 30 วัน
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า ยอดนำเข้าสินค้ามายังสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.6% ในเดือนก.ค.เมื่อเทียบกับเดือนมิ.ย. สู่ระดับ 2.2859 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่ยอดส่งออกหดตัวลง 0.6% แตะ 1.8945 แสนล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐขยายตัว 13.3% สู่ระดับ 3.915 หมื่นล้านดอลลาร์
นักลงทุนจับตาดูสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 30 ส.ค.ในวันพฤหัสบดีนี้ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบจะลดลงราว 1.0-1.3 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นอาจจะเพิ่มขึ้นราว 800,000-900,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลงราว 200,000-250,000 บาร์เรล และคาดว่าอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะลดลง 0.8% จากระดับ 91.3%