สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 17 เซนต์ ปิดที่ 107.56 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 25 เซนต์ ปิดที่ 111.5 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้นหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 6 ก.ย. ลดลง 219,000 บาร์เรล แตะที่ 360 ล้านบาร์เรล ด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าสต็อกน้ำมันดิบจะร่วงลง 2 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงฮีทติ้งออยล์และและน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 2.586 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 132.2 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 700,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 1.658 ล้านบาร์เรล แตะ 217.6 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าสต็อกน้ำมันเบนซินจะร่วงลง 1.2 ล้านบาร์เรล
ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้น 0.8% สู่ระดับ 92.5% สวนทางกับที่คาดว่าอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะลดลง 0.7%
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบ WTI ขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากกระแสความวิตกกังวลที่ว่าสหรัฐจะใช้กำลังทางทหารโจมตีซีเรียได้เริ่มคลี่คลายลง หลังจากประธานาธิบดีโอบามาได้ขอให้สภาคองเกรสเลื่อนการลงมติในประเด็นการโจมตีทางทหารต่อซีเรีย ซึ่งบ่งชี้ว่าฝ่ายบริหารจะพยายามใช้วิธีการทางการทูตในการคลี่คลายวิกฤตซีเรียในขณะนี้
ทั้งนี้ โอบามากล่าวว่าสหรัฐจะทำงานร่วมกับรัสเซียและประเทศพันธมิตรอื่นๆเพื่อดำเนินการตามญัตติของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่จะทำให้ซีเรียยกเลิกอาวุธเคมี โดยจะส่งนายจอห์น แคร์รี รมว.ต่างประเทศสหรัฐพบปะกับเจ้าหน้าที่รัสเซีย