สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 2.06 ดอลลาร์ ปิดที่ 104.1 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 1.25 ดอลลาร์ ปิดที่ 109.19 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นเพราะได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโร หลังจากธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.5% ในการประชุมเมื่อวานนี้ โดยระบุว่าข้อมูลในช่วงที่ผ่านมาบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวขึ้น
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่า อาจจะมีการลำเลียงขนส่งน้ำมันเพิ่มขึ้นจากเขตมิดเวสต์ของสหรัฐไปยังกัลฟ์โคสต์ เนื่องจากการขยายท่องส่งน้ำมันใกล้จะเสร็จสิ้นลง ซึ่งจะช่วยให้การขนส่งน้ำมันออกจากเมืองคุชชิง มลรัฐโอกลาโฮมา มีปริมาณมากถึง 700,000 บาร์เรลต่อวัน
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 27 ก.ย.พุ่งขึ้น 5.5 ล้านบาร์เรล แตะที่ 363.7 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2.4 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 3.5 ล้านบาร์เรล แตะที่ 219.7 ล้านบาร์เรล ตรงข้ามกับที่คาดว่าจะลดลง 500,000 บาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังกำกลั่นน้ำมันอยู่ที่ 89% ลดลง 1.3% มากกว่าที่คาดว่าจะขยับลงเพียง 0.7%
ตลาดน้ำมันยังคงได้รับปัจจัยลบจากความวิตกกังวลที่ว่าการปิดหน่วยงานของรัฐบาลกลางอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและอุปสงค์พลังงานของสหรัฐ ทั้งนี้ ผลพวงของการปิดหน่วยงานรัฐบาลทำให้สหรัฐไม่สามารถรวบรวมข้อมูลหรือเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payrolls) และอัตราว่างงานเดือนก.ย. ตามกำหนดการเดิมที่จะมีการเปิดเผยในเวลา 19.30 น.ตามเวลาไทยในวันศุกร์นี้