สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 83 เซนต์ ปิดที่ 98.68 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค.ที่ตลาดลอนดอน พุ่งขึ้น 2.68 ดอลลาร์ ปิดที่ 109.61 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักวิเคราะห์คาดว่าเฟดจะยังคงเดินหน้าใช้มาตรการ QE ต่อไป เพื่อลดผลกระทบของการปิดหน่วยงานบางส่วนของรัฐบาลกลางสหรัฐ โดยเฟดจะเสร็จสิ้นการประชุมระยะเวลา 2 วันในวันพุธนี้ตามเวลาสหรัฐ
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ยังได้รับแรงหนุนจากรายงานที่ว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันในประเทศลิเบียร่วงลง 275,000 บาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 300,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนก.ย. อันเนื่องมาจากเหตุการณ์ประท้วงของกลุ่มแรงงาน
อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงกดดันในระหว่างวันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ โดยธนาคารกลางสหรัฐเปิดเผยว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐทำสถิติขยายตัวสูงสุดในรอบ 7 เดือนในเดือนก.ย. เนื่องจากการขยายตัวของผลผลิตภาคสาธารณูปโภค หลังจากที่หดตัวลงหลายเดือนติดต่อกัน
รายงานของธนาคารระบุว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมสหรัฐขยายตัว 0.6% ในเดือนก.ย. หลังจากที่ขยายตัว 0.4% ในเดือนส.ค. ขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิตปรับตัวขึ้น 0.1% ในเดือนก.ย.หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนส.ค
ด้านสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เผยดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ร่วงแตะสถิติต่ำสุดในรอบเกือบ 3 ปีในเดือนก.ย. และทำสถิติลดลงเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน เนื่องจากการปรับตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ยและความไม่แน่นอนจากความขัดแย้งทางการเมือง