สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 1.77 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 94.61 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค.ที่ตลาดลอนดอน ร่วงลง 2.93 ดอลลาร์ หรือ 2.7% ปิดที่ 105.91 ดอลลาร์/บาร์เรล
ทั้งนี้ ดอลลาร์ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเมื่อเทียบกับยูโรในวันศุกร์ หลังเงินเฟ้อยูโรโซนลดลงมากเกินคาด ซึ่งส่งผลให้มีการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะผ่อนคลายนโยบายการเงินมากขึ้น
สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป หรือยูโรสแตท รายงานเมื่อวันพฤหัสบดีว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เบื้องต้นเดือนต.ค.ของยูโรโซนลดลงมาอยู่ที่ระดับ 0.7% จากเดือนก.ย.ที่ระดับ 1.1% โดยดัชนี CPI เดือนต.ค.ถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2554
การร่วงลงของดัชนี CPI ในเดือนต.ค.สะท้อนให้เห็นว่า ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) มีโอกาสมากพอที่จะสามารถรักษาเสถียรภาพราคาในระยะกลางให้อยู่ในระดับเป้าหมายที่ 2% และอาจจะปูทางไปสู่การใช้มาตรการกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหากจำเป็น
ดอลลาร์ยังแข็งค่าขึ้นอีก หลังมีการเปิดเผยรายงานที่แสดงให้เห็นว่าภาคการผลิตเดือนต.ค.ขยายตัวเร็วขึ้นกว่าคาดการณ์ โดยสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) รายงานว่าดัชนีภาคการผลิตปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 56.4 จาก 56.2 ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นการขยายตัวเดือนที่ 5 ติดต่อกัน
ราคาน้ำมันถูกกดดันอย่างมาก เนื่องจากอุปทานน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ และเชื่อว่าแนวโน้มนี้จะยังคงดำเนินต่อไป
สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 4.1 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 383.9 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์ที่สิ้นสุดเมื่อวันที่ 25 ต.ค. เนื่องจากการผลิตน้ำมันจากหินน้ำมันนั้นเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ขณะที่ผลสำรวจของบลูมเบิร์กระบุว่า ผลผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน หรือโอเปค ปรับตัวขึ้น เนื่องจากการผลิตน้ำมันดิบของอิรักเพิ่มขึ้นเป็น 30.621 ล้านบาร์เรล/วัน โดยเฉลี่ย ภายหลังเสร็จสิ้นการปิดซ่อมบำรุง