สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค.ร่วงลง 60 เซนต์ หรือ 0.63% ปิดที่ระดับ 94.84 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 97 เซนต์ หรือ 0.88% ปิดที่ 111.05 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 11 ต.ค.
ค่าสเปรด (ส่วนต่าง) ระหว่างราคาน้ำมันดิบ WTI กับน้ำมันดิบเบรนท์ เพิ่มขึ้น 1.55 ดอลลาร์ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา และเพิ่มจาก 14.64 ดอลลาร์เมื่อวันพฤหัสบดี สู่ระดับ 16.21 ดอลลาร์/บาร์เรลในวันศุกร์ ซึ่งมากสุดนับตั้งแต่วันที่ 15 มี.ค.
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสกลับมาปรับตัวลดลงในวันศุกร์ หลังจากปรับตัวขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดี ภายหลังสหรัฐเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่ลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ซึ่งบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของตลาดแรงงานสหรัฐ อย่างไรก็ตาม สต็อกน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นยังคงสกัดช่วงขาขึ้นของสัญญาน้ำมัน
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 15 พ.ย. เพิ่มขึ้น 375,000 บาร์เรล แตะที่ 388.5 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 4.8 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 345,000 บาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันลดลง 0.1% แตะที่ 88.6%
สำหรับน้ำมันดิบเบรนท์นั้นได้แรงหนุนจากการที่การเจรจานิวเคลียร์ของอิหร่านยังไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร โดยประเทศมหาอำนาจของโลก ได้แก่ สหรัฐ จีน รัสเซีย ฝรั่งเศส และอังกฤษ พร้อมด้วยเยอรมนี ยืนยันที่จะคงมาตรการลงโทษขั้นรุนแรงสุดต่ออิหร่านต่อไป จนกว่าจะมีการบรรลุข้อตกลงเพื่อควบคุมการผลิตอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่าน
การลงโทษอิหร่านของชาติตะวันตกได้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกน้ำมันของอิหร่านไปทั่วโลกแล้วประมาณ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งหาก 2 ฝ่ายบรรลุข้อตกลงกันได้และอนุญาตให้อิหร่านกลับมาส่งน้ำมันสู่ตลาดโลกได้อีก ก็จะทำให้ราคาน้ำมันลดลง
ทั้งนี้ มีรายงานว่าภายหลังปิดตลาดในวันศุกร์ นายจอห์น แคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐได้เดินทางไปเจนีวาเพื่อเข้าร่วมการเจรจาเรื่องอิหร่าน ซึ่งนักสังเกตการณ์บางรายถือเป็นสัญญาณว่าอาจมีการบรรลุข้อตกลงในไม่ช้านี้ แม้ปธน.บารัค โอบามาได้กล่าวเมื่อต้นสัปดาห์ว่า ความคืบหน้าในการเจรจาอาจไม่ได้นำไปสู่การยุติมาตรการคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของอิหร่านอย่างปัจจุบันทันด่วน โดยก่อนหน้านั้นมีรายงานว่ารัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซียก็เดินทางไปร่วมหารือที่เจนีวาด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ยังได้ปัจจัยหนุนจากรายงานที่ว่า ลิเบียผลิตน้ำมันดิบเพียงประมาณหนี่งในสามของระดับปกติที่ผลิตได้ 1.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน