สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค.ร่วงลง 1.07 ดอลลาร์ ปิดที่ 97.44 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 32 เซนต์ ปิดที่ 109.7 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ได้รับแรงกดดันจากการที่นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดอาจจะเริ่มพิจารณาปรับลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือ QE หลังจากผู้นำการเจรจางบประมาณในสภาคองเกรสสหรัฐได้บรรลุข้อตกลงเพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐในวันที่ 15 ม.ค.แล้ว โดยข้อตกลงดังกล่าวจะกำหนดระดับการใช้จ่ายสำหรับรัฐบาลกลางในอีก 2 ปีข้างหน้า และจะยุติมาตรการลดรายจ่ายโดยอัตโนมัติ หรือที่เรียกว่า sequester บางส่วน ในอีก 2 ปีข้างหน้าเช่นกัน
ทั้งนี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟด มีกำหนดประชุมในวันอังคารและพุธหน้า ซึ่งตลาดกำลังรอดูว่าเฟดจะเริ่มปรับลดการซื้อสินทรัพย์รายเดือนลงเมื่อใด
อย่างไรก็ตาม ตลาดน้ำมันนิวยอร์กได้รับแรงหนุนในระหว่างวันหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 6 ธ.ค. ร่วงลง 10.6 ล้านบาร์เรล แตะ 375.2 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 3 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึง heating oil และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 4.5 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 118.1 ล้านบาร์เรล เทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 900,000 บาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้น 6.7 ล้านบาร์เรล แตะ 219.1 ล้านบาร์เรล ขณะที่มีการคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 1.8 ล้านบาร์เรล
ด้านอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันขยับขึ้น 0.2% สู่ระดับ 92.6% จากที่นักวิเคราะห์คาดว่าอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะเพิ่มขึ้น 0.4%