สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 31 เซนต์ ปิดที่ 99.22 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.พ.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 34 เซนต์ ปิดที่ 111.90 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นก่อนวันหยุดในเทศกาลคริสต์มาสในสหรัฐ ซึ่งสาเหตุหนึ่งมาจากการคาดการณ์ที่ว่า เหตุการณ์ไม่สงบในแอฟริกาอาจจะส่งผลให้อุปทานน้ำมันทั่วโลกปรับตัวลดลง นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งทำให้เกิดความเชื่อมั่นว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐจะช่วยหนุนความต้องการพลังงานให้เพิ่มขึ้นด้วย
โดยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนปรับตัวขึ้น 3.5% ในเดือนพ.ย. ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2% บ่งชี้ว่าการลงทุนและความเชื่อมั่นในภาคธุรกิจกำลังฟื้นตัวขึ้นจากช่วงไตรมาสสาม
ส่วนยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ย.ของสหรัฐอยู่ที่ 464,000 ยูนิต ลดลง 2.1% จากระดับ 474,000 ยูนิตในเดือนต.ค. โดยถึงแม้ยอดขายปรับตัวลง แต่ก็ยังอยู่ใกล้กับระดับสูงสุดในรอบ 5 ปี สะท้อนให้เห็นว่าตลาดที่อยู่อาศัยยังคงฟื้นตัว แม้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับซื้อบ้านปรับตัวสูงขึ้นก็ตาม
นอกจากนี้ สำนักงานเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัยของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FHFA) รายงานว่า ราคาบ้านของสหรัฐในเดือนต.ค.ปรับตัวขึ้น 0.5% จากเดือนก.ย. และหากเทียบรายปี ราคาบ้านปรับตัวขึ้น 8.2% จากปีก่อน
นักลงทุนจับตาดูสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันสหรัฐในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 20 ธ.ค.ในวันศุกร์นี้ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบจะร่วงลง 2.7 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 300,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะเพิ่มขึ้น 0.2%