สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 1.03 ดอลลาร์ หรือ 1% ปิดที่ 99.29 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 97 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 111.21 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบทะยานขึ้นเหนือ 100 ดอลลาร์ เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. โดยปิดที่ 100.32 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่ 18 ต.ค. หลังจากที่สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 20 ธ.ค. ปรับตัวลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 4 และลดลงมากกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้ โดยสต็อกน้ำมันดิบร่วงลง 4.7 ล้านบาร์เรล แตะ 367.6 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงราว 2.7 ล้านบาร์เรล
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐยังอยู่ในระดับสูง โดยข้อมูลสถิติแสดงให้เห็นว่า สต็อกน้ำมันดิบที่มีการเปิดเผยล่าสุดถือเป็นระดับสูงสุดเป็นลำดับที่ 2 สำหรับช่วงกลางเดือนธ.ค. ในรอบกว่า 30 ปี
ขณะเดียวกัน บริษัทน้ำมันแห่งชาติของลิเบียเผยว่าการผลิตน้ำมันในประเทศได้กลับมาดำเนินการตามปกติแล้วเป็นบางส่วน ซึ่งข่าวดังกล่าวเป็นปัจจัยลบต่อสัญญาน้ำมัน
สถานการณ์ความไม่สงบในลิเบียได้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกน้ำมันของประเทศ โดยทำให้อุปทานน้ำมันในยุโรปลดลง และทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น ปัจจุบัน ลิเบียผลิตน้ำมันได้ประมาณ 250,000 บาร์เรล/วัน ซึ่งลดลงอย่างมากจากก่อนหน้านี้ที่ผลิตได้มากกว่า 1.5 ล้านบาร์เรล
ทั้งนี้ คาดว่าปริมาณการซื้อขายจะเบาบางในสัปดาห์นี้ เนื่องจากกำหนดการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ไม่คึกคัก ขณะที่ตลาดจะปิดทำการในวันพุธนี้เนื่องในวันปีใหม่
โดยวานนี้ สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติเปิดเผยว่า ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย ปรับตัวขึ้น 0.2% สู่ระดับ 101.7 ในเดือนพ.ย. จาก 101.5 ในเดือนต.ค.