สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ.ที่ตลาด NYMEX ปรับตัวขึ้น 41 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 94.37 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค.
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ.ที่ตลาด ICE ปรับตัวขึ้น 73 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 106.48 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น เนื่องจากมีการคาดการณ์กันว่าความต้องการพลังงานในสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น โดยข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานในระยะนี้ส่งสัญญาณว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐซึ่งเป็นประเทศที่ใช้น้ำมันมากที่สุดในโลกนั้นแข็งแกร่งขึ้นโดยรวม
สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) เปิดเผยเมื่อวันพุธว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 11 ม.ค.ร่วงลง 7.66 ล้านบาร์เรล แตะที่ 350.2 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2555 และลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงเพียง 1.3 ล้านบาร์เรล
ทั้งนี้ นับตั้งแต่วันที่ 22 พ.ย. 2556 สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงไปแล้วทั้งสิ้น 41.2 ล้านบาร์เรล ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าความต้องพลังงานในสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยในวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ตัวเลขเริ่มสร้างบ้านร่วงลง 9.8% สู่ระดับ 999,000 ยูนิต โดยถึงแม้ว่าจะเป็นการลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2556 แต่ตัวเลขก็ยังสูงกว่าการคาดการณ์ของตลาดที่ระดับ 990,000 อยู่ปานกลาง
ขณะเดียวกัน ข้อมูลจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แสดงให้เห็นว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนธ.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 1% ในเดือนพ.ย. ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาด
นอกจากนี้ ยังมีการเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของรอยเตอร์/มหาวิทยาลัย ที่ลดลงแตะ 80.4 ในเดือนม.ค. จาก 82.5 ในเดือนก่อนหน้า
ทั้งนี้ ตลาดน้ำมันนิวยอร์กจะปิดทำการซื้อขายในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ เนื่องในวันมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์