สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ.ที่ตลาด NYMEX เพิ่มขึ้น 59 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 97.32 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ.ที่ตลาดลอนดอน ร่วงลง 69 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 107.58 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมัน WTI ดีดตัวขึ้นหลังจาก EIA รายงานว่า สต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงฮีทติ้งออยล์และดีเซล ร่วงลง 3.21 บาร์เรล แตะที่ 120.7 ล้านบาร์เรลในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 17 ม.ค.
เทรดเดอร์คาดการณ์ว่า สภาพอากาศที่หนาวเย็นในสหรัฐจะช่วยหนุนความต้องการเชื้อเพลิงให้สูงขึ้นด้วย โดยศูนย์บริการสภาพอากาศแห่งชาติเปิดเผยว่า นิวยอร์กมีระดับอุณหภูมิติดลบ 10 องศาฟาเรนไฮต์ (-23 องศาเซลเซียส) หลังจากที่เกิดพายุฤดูหนาว
พายุฤดูหนาวครั้งนี้ ส่งผลให้สายการบินในสหรัฐต้องยกเลิกเที่ยวบินไปถึง 3,020 เที่ยวบินเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา และทำให้ราคาก๊าซธรรมชาติที่ตลาดสปอตพุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบ WTI ได้รับแรงกดดันหลังจากเอชเอสบีซี โฮลดิงส์เผย ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นของจีนในเดือนม.ค.ลดลงแตะ 49.6 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน จากระดับ 50.5 ในเดือนธ.ค. ขณะที่มาร์กิตรายงานว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนม.ค.ของสหรัฐ ชะลอตัวลงสู่ระดับ 53.7 จากเดือนธ.ค.ที่ระดับ 55
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับปัจจัยลบหลังจาก EIA เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 17 ม.ค. พุ่งขึ้น 1 ล้านบาร์เรล แตะที่ 351.2 ล้านบาร์เรล