สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.ที่ตลาด NYMEX ลดลง 5 เซนต์ ปิดที่ 97.36 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 44 เซนต์ ปิดที่ 107.85 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงหลังจาก EIA รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 24 ม.ค. พุ่งขึ้น 6.4 ล้านบาร์เรล แตะ 357.6 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นราว 2.2 ล้านบาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงฮีทติ้งออยล์ และน้ำมันดีเซล ร่วงลง 4.6 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 116.2 ล้านบาร์เรล จากที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 2.6 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 800,000 บาร์เรล แตะ 234.4 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นราว 1.1 ล้านบาร์เรล
ขณะที่อัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้น 1.7% สู่ระดับ 88.2% ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.2%
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันหลังจากเฟดมีมติปรับลดขนาดมาตรการ QE ลงอีก 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ในการประชุมระยะเวลา 2 วันซึ่งเสร็จสิ้นเมื่อวานนี้ (29 ม.ค.) ส่งผลให้วงเงินการซื้อพันธบัตรปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 6.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน จากระดับ 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน โดยจะเริ่มดำเนินการดังกล่าวในเดือนก.พ.ปีนี้ ทั้งนี้ เฟดระบุว่าหากข้อมูลในอนาคตเป็นปัจจัยสนับสนุนการคาดการณ์ด้านตลาดแรงงานและภาวะเงินเฟ้อของคณะกรรมการเอฟโอเอ็มซี เฟดก็อาจจะปรับลดวงเงินการซื้อพันธบัตรลงอีกในอนาคตข้างหน้า