สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สภาพอากาศที่หนาวเย็นในสหรัฐส่งผลให้ความต้องการน้ำมันฮีทติ้งออยล์และเชื้อเพลิงดีเซลพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 6 ปี
รายงานของ EIA ระบุว่า ในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 24 ม.ค.นั้น สต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงฮีทติ้งออยล์ และน้ำมันดีเซล ร่วงลง 4.6 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 116.2 ล้านบาร์เรล จากที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 2.6 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 800,000 บาร์เรล แตะ 234.4 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นราว 1.1 ล้านบาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐพุ่งขึ้น 6.4 ล้านบาร์เรล แตะ 357.6 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นราว 2.2 ล้านบาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้น 1.7% สู่ระดับ 88.2% ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.2%
อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดได้รับแรงกดดันจากรายงานของเอชเอสบีซี โฮลดิงส์ที่ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนในเดือนม.ค.ร่วงลงแตะ 49.5 จาก 50.5 ในเดือนธ.ค. และต่ำกว่าข้อมูลเบื้องต้นที่ 49.6 ซึ่งดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของจีนหดตัวลง
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับปัจจัยลบจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจปรับลดขนาดมาตรการ QE ลงอีก 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ในการประชุมครั้งล่าสุด