สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 19 เซนต์ ปิดที่ 97.38 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 47 เซนต์ ปิดที่ 106.25 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นหลังจากนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า อิทธิพลของสภาพอากาศที่หนาวเย็นในหลายพื้นที่ของสหรัฐจะทำให้ความต้องการพลังงานปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วย โดยขณะนี้มีรายงานว่าพายุหิมะกำลังพัดกระหน่ำพื้นที่ฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐ ซึ่งจะส่งผลให้อุณหภูมิลดต่ำลง
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนหลังจาก EIA รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 31 ม.ค. เพิ่มขึ้น 400,000 บาร์เรล แตะ 358.1 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นไม่มากเท่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะพุ่งขึ้น 2.2 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึง heating oil และน้ำมันดีเซล ร่วงลง 2.4 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 113.8 ล้านบาร์เรล ซึ่งลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะปรับตัวลง 2 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 500,000 บาร์เรล แตะ 235 ล้านบาร์เรล ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นราว 1.1 ล้านบาร์เรล
ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันหดตัวลง 2.1% สู่ระดับ 86.1% ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะลดลงแค่ 0.5%
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบ WTI ขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย เนื่องจากตลาดได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน หลังจาก ADP ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดแรงงานในสหรัฐ เปิดเผยว่า ภาคเอกชนทั่วสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 175,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. ซึ่งน้อยว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นราว 185,000 ตำแหน่งในเดือนดังกล่าว