สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.พุ่งขึ้น 2.13 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 102.43 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนเม.ย.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 1.38 ดอลลาร์ ปิดที่ 110.46 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานว่า ปริมาณการใช้น้ำมันฮีทติ้งออยล์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากอิทธิพลของพายุหิมะที่พัดถล่มทั่วพื้นที่ฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐ โดยระบุว่า กว่า 25% ของครัวเรือนในพื้นที่ดังกล่าวจำเป็นต้องใช้น้ำมันฮีทติ้งออยล์ในการสร้างความอบอุ่นภายในบ้าน
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ของ EIA หลังจากที่สัปดาห์ก่อนหน้านี้ สต็อกน้ำมันฮีทติ้งออยล์ร่วงลงอย่างมาก เนื่องจากความต้องการที่สูงขึ้นอันเนื่องมาจากสภาพอากาศที่หนาวเย็น
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐส่งผลให้ภาวะการซื้อขายในตลาดเป็นไปอย่างผันผวนในระหว่างวัน โดยสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติของสหรัฐ (NAHB) เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดที่อาศัยลดลงสู่ระดับ 46 ในเดือนก.พ. จาก 56 ในเดือนม.ค. เนื่องจากสภาพอากาศที่เลวร้าย การขาดแคลนแรงงาน และที่ดินที่มีอยู่อย่างจำกัด
ด้านธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กเปิดเผยว่า ดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) เดือนก.พ. ร่วงลงมาอยู่ที่ 4.48 จากระดับ 12.51 ในเดือนม.ค. ซึ่งบ่งชี้ว่าว่ากิจกรรมการผลิตในเขตนิวยอร์ก ซึ่งครอบคลุมถึงตอนเหนือของนิวเจอร์ซีย์และตอนใต้ของคอนเนตทิคัต ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้า