สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.ร่วงลง 1.88 ดอลลาร์ ปิดที่ 101.45 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 1.54 ดอลลาร์ ปิดที่ 107.76 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงหลังจาก EIA รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่แล้วปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.43 ล้านบาร์เรล แตะที่ 363.8 ล้านบาร์เรล ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะปรับตัวขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีทติ้งออยล์และเชื้อเพลิงดีเซล เพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล
ตลาดน้ำมันดิบนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐ โดย ADP ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดแรงงานในสหรัฐเปิดเผยว่า ภาคเอกชนทั่วสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 139,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. ซึ่งน้อยว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 160,000 ตำแหน่งในเดือนดังกล่าว
ขณะที่สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการสหรัฐชะลอตัวลงสู่ระดับ 51.6 ในเดือนก.พ. จากระดับ 54.0 ในเดือนม.ค. ซึ่งดัชนีของเดือนก.พ.นั้นนับว่าต่ำสุดในรอบ 4 ปี
นอกจากนี้ นักลงทุนยังเทขายสัญญาน้ำมันดิบหลังจากสถานการณ์ในยูเครนเริ่มส่งสัญญาณคลี่คลายลง ภายหลังจากประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย สั่งการให้ทหารที่เข้าร่วมปฏิบัติการซ้อมรบเคลื่อนกำลังกลับฐาน นอกจากนี้ ปธน.ปูตินยังกล่าวกับผู้สื่อข่าวด้วยว่า รัสเซียจะกลับมาใช้กำลังทางทหารอีกก็เฉพาะพิจารณาแล้วเห็นว่า "เป็นทางเลือกสุดท้าย" เท่านั้น