สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.ร่วงลง 2.04 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 97.99 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 6 ก.พ.
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 53 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 108.02 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 5 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของอุปสงค์พลังงานในสหรัฐ หลังจาก EIA รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 7 มี.ค. พุ่งขึ้น 6.2 ล้านบาร์เรล แตะ 370 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึง heating oil และน้ำมันดีเซล ลดลง 500,000 บาร์เรล สู่ระดับ 113.9 ล้านบาร์เรล จากที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 400,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินร่วงลง 5.2 ล้านบาร์เรล แตะ 223.8 ล้านบาร์เรล จากที่คาดการณ์ว่าจะลดลงเพียง 1.6 ล้านบาร์เรล
ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันหดตัวลง 1.4% สู่ระดับ 86% ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะลดลงแค่ 0.3%
นักลงทุนจับตาดูการลงประชามติของไครเมียในวันอาทิตย์ที่ 16 มี.ค.นี้ ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ประชาชนในไครเมียได้มีทางเลือกที่จะตัดสินใจว่า จะยังคงเป็นเขตปกครองตนเองในยูเครนต่อไป หรือจะยกดินแดนเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสหพันธรัฐรัสเซีย
ขณะที่ผู้นำในหลายประเทศได้ออกมาเตือนไครเมียว่า การลงคะแนนเสียงประชามติดังกล่าว จะไม่ได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ ส่วนรัฐบาลรักษาการของยูเครน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐและยุโรปนั้น ระบุว่า การจัดทำประชามติครั้งนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย