สัญญาน้ำมันดิบ WTI ดีดตัวขึ้น หลังจากที่ร่วงลงกว่า 2 ดอลลาร์เมื่อวานนี้ หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 7 มี.ค. พุ่งขึ้น 6.2 ล้านบาร์เรล แตะ 370 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึง heating oil และน้ำมันดีเซล ลดลง 500,000 บาร์เรล สู่ระดับ 113.9 ล้านบาร์เรล จากที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 400,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินร่วงลง 5.2 ล้านบาร์เรล แตะ 223.8 ล้านบาร์เรล จากที่คาดการณ์ว่าจะลดลงเพียง 1.6 ล้านบาร์เรล
ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันหดตัวลง 1.4% สู่ระดับ 86% ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะลดลงแค่ 0.3%
นักลงทุนจับตาดูการลงประชามติของไครเมียในวันอาทิตย์ที่ 16 มี.ค.นี้ ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ประชาชนในไครเมียได้มีทางเลือกที่จะตัดสินใจว่า จะยังคงเป็นเขตปกครองตนเองในยูเครนต่อไป หรือจะยกดินแดนเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสหพันธรัฐรัสเซีย ขณะเดียวกันรัฐสภารัสเซียประกาศว่าจะจัดการอภิปรายในประเด็นที่ว่าจะรับสาธารณรัฐปกครองตนเองไครเมียเข้าเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของประเทศหรือไม่ ในวันที่ 21 มี.ค.นี้
รายงานล่าสุดในวันนี้ระบุว่า ประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐกำลังหารือร่วมกับนายอาร์เซนีย์ ยัตเซนยุค รักษาการนายกรัฐมนตรียูเครนอย่างเร่งด่วน เพื่อที่จะขัดขวางการลงประชามติของไครเมีย ซึ่งต้องการเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย ขณะเดียวกัน สหรัฐก็ได้กดดันรัสเซียให้ยกเลิก หรือเลื่อนการลงคะแนนเสียงในวันที่ 16 มี.ค.นี้
ทั้งนี้ โอบามาเตือนว่า หากประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินไม่ยอมถอยหลัง สหรัฐและบรรดาประเทศพันธมิตรจำเป็นจะต้องเรียกร้องความรับผิดชอบจากรัสเซียในกรณีที่ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ และรุกล้ำดินแดนยูเครน