สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.ลดลง 94 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 99.43 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 60 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 106.45 ดอลลาร์/บาร์เรล
การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้ฉุดสัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลง หลังจากเฟดมีมติปรับลดขนาดมาตรการ QE ลงอีก 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ในการประชุมล่าสุดเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ส่งผลให้วงเงินการซื้อพันธบัตรปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 5.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน โดยจะเริ่มดำเนินการดังกล่าวในเดือนเม.ย.ปีนี้
นางเยลเลนได้กล่าวภายหลังการประชุมว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกหลังจากที่เฟดยุติการใช้มาตรการ QE ไปแล้วราว 6 เดือน
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ยังได้รับแรงกดดันหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 14 มี.ค. พุ่งขึ้น 5.9 ล้านบาร์เรล แตะ 375.9 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2.3 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึง heating oil และน้ำมันดีเซล ร่วงลง 3.1 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 110.8 ล้านบาร์เรล จากที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงแค่ 600,000 บาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 1.5 ล้านบาร์เรล แตะ 222.3 ล้านบาร์เรล จากที่คาดการณ์ว่าจะลดลง 900,000 บาร์เรล
สำหรับอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันหดตัวลง 0.4% สู่ระดับ 85.6% ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะลดลงแค่ 0.2%