สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค.ร่วงลง 1.84 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 99.74 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ค.ที่ตลาดลอนดอน ร่วงลง 2.14 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 105.62 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนเทขายสัญญาน้ำมันดิบหลังจากมีการคาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 28 มี.ค.จะปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก 2.5 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 385 ล้านบาร์เรล หลังจากสต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 21 มี.ค.พุ่งขึ้น 6.6 ล้านบาร์เรล แตะ 382.5 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2.8 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากรายงานของมาร์กิต ซึ่งเป็นผู้ให้บริการข้อมูลการเงินของสหรัฐเปิดเผยว่า กิจกรรมในภาคการผลิตของสหรัฐชะลอตัวลงในเดือนมี.ค. หลังจากที่ขยายตัวในระดับเกือบสูงสุดในรอบ 4 ปี ในเดือนก.พ.
ทั้งนี้ การรายงานข้อมูลขั้นสุดท้ายของมาร์กิตระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐลดลงแตะ 55.5 ในเดือนมี.ค.จากระดับ 57.1 ในเดือนก.พ.
นักวิเคราะห์คาดว่า สภาพอากาศที่ย่ำแย่ในช่วงฤดูหนาวจะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวในจังหวะที่ชะลอตัวลงในไตรมาสแรกปีนี้ หลังจากที่ขยายตัว 2.6% ในไตรมาสสุดท้ายปี 2556
นักลงทุนจับตาดูกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างนอกภาคการเกษตรประจำเดือนมี.ค.ในวันศุกร์นี้ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 190,000 ตำแหน่ง ส่วนในเดือนก.พ.ที่ผ่านมานั้น ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรพุ่งขึ้น 175,000 ตำแหน่ง ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้