สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค.ร่วงลง 2.24 ดอลลาร์ หรือ 2.2% ปิดที่ 102.13 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ค.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 68 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 109.27 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงหลังจากนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 18 เม.ย. ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในคืนวันนี้ตามเวลาไทยนั้น จะเพิ่มขึ้น 3 ล้านบาร์เรลสู่ระดับ 397.1 ล้านบาร์เรล หลังจากสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 11 เม.ย.พุ่งขึ้น 10 ล้านบาร์เรล แตะ 394.1 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2544 หรือในรอบกว่า 13 ปี
นักวิเคราะห์กล่าวว่า สต็อกน้ำมันดิบโดยรวมของสหรัฐใกล้แตะระดับ 400 ล้านบาร์เรล ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวได้สร้างแรงกดดันให้กับสัญญาน้ำมันดิบ WTI อย่างมาก
นักลงทุนจับตาดูสถานการณ์ตึงเครียดในยูเครน อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลที่ว่าหากสหรัฐและยุโรปประกาศคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มขึ้น อาจจะทำให้การส่งออกน้ำมันของรัสเซียได้รับผลกระทบไปด้วย
อย่างไรก็ตาม นายอะนาโตลี อันโตนอฟ รมช.กลาโหมรัสเซีย กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์รอสซิสกายา กาเซตาของรัฐบาลว่า ไม่มีแนวโน้มที่จะเกิดสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน พร้อมกับเปิดเผยว่า ผู้บัญชาการกองทัพของรัสเซียและยูเครนยังคงติดต่อกัน แม้ว่าการติดต่อกันในลักษณะนี้ได้ลดลงอย่างมาก
ทั้งนี้ ไครเมียได้ถูกผนวกเข้าเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของรัสเซียเมื่อวันที่ 18 มี.ค. หลังการลงประชามติ ซึ่งไม่ได้รับการยอมรับจากยูเครนและชาติตะวันตก