สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 50 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 101.94 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมิ.ย.ที่ตลาดลอนดอน พุ่งขึ้น 1.22 ดอลลาร์ หรือ 1.1% ปิดที่ 110.33 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นหลังจากกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.6% ในเดือนมี.ค. มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2% เนื่องจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นในสินค้าทุกประเภท โดยสินค้าที่จัดอยู่ในหมวดสินค้าคงทนมีตั้งแต่เตาอบไปจนถึงเครื่องบิน ซึ่งมีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป
ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนถือเป็นมาตรวัดแผนการใช้จ่ายด้านทุนของภาคธุรกิจ ซึ่งการเพิ่มขึ้นของตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มที่จะขยายตัวในอัตราที่รวดเร็วขึ้นในไตรมาส 2 ปีนี้
นอกจากนี้ สถานการณ์ตึงเครียดในยูเครนยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่หนุนสัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นด้วย โดยความคืบหน้าล่าสุดนั้น นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของรัสเซียกล่าวว่า ความเคลื่อนไหวต่อต้านรัสเซียที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ไม่ได้เป็นผลมาจากสถานการณ์ในยูเครน แต่เป็นเพราะประเทศตะวันตกไม่เคยหยุดยั้งความพยายามที่จะควบคุมรัสเซีย
ด้านนายจอห์น แคร์รี่ รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐ ได้ออกมาแสดงความวิตกเป็นอย่างยิ่งที่ไม่มีความคืบหน้าที่เป็นบวกจากรัสเซีย พร้อมกับย้ำว่า มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียจะถูกยกระดับขึ้น หากรัสเซียไม่ออกมาตรการใดๆตามที่ได้ตกลงไว้ในการประชุมระหว่างสหรัฐ อียู รัสเซีย และยูเครนที่เจนีวา เมื่อวันที่ 17 เม.ย.
ทั้งนี้ ชาติตะวันตกและยูเครนต่างกล่าวโทษรัสเซียว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังสถานการณ์ความไม่สงบและแยกดินแดนยูเครน แต่รัสเซียได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว