สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 1.34 ดอลลาร์ หรือ 1.3% ปิดที่ 100.60 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ปรับตัวลง 75 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 109.58 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลง EIA ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 18 เม.ย. พุ่งขึ้น 3.5 ล้านบาร์เรล แตะที่ 397.7 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นราว 3 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึง heating oil และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 597,000 บาร์เรล สู่ระดับ 112.5 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 300,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินลดลงเพียง 274,000 บาร์เรล แตะ 210 ล้านบาร์เรล จากที่คาดการณ์ว่าจะลดลงถึง 1.4 ล้านบาร์เรล
ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้น 2.2% สู่ระดับ 91% ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะขยับขึ้นแค่ 0.3%
ทั้งนี้ ความต้องการน้ำมันดิบในฤดูใบไม้ผลิมักจะปรับตัวลง เนื่องจากเป็นช่วงที่โรงกลั่นน้ำมันจะปิดปรับปรุง ขณะที่นำมันส่วนใหญ่ที่ออกมาจากคลังน้ำมัน Cushing ในรัฐโอกลาโฮมา ได้ถูกส่งไปเก็บในคลังน้ำมันที่ชายฝั่งริมอ่าวเม็กซิโก แทนที่จะนำไปผ่านการผลิตเป็นน้ำมันเบนซินและเชื้อเพลิงอื่นๆ
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ปริมาณน้ำมันจะปรับตัวลงในปลายฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งโรงกลั่นน้ำมันจะเร่งการผลิตเพื่อรองรับการใช้น้ำมันในหน้าร้อนที่การใช้รถเพิ่มขึ้น ขณะที่ความต้องการน้ำมันใช้ในด้านทหารและความเสี่ยงที่การขนส่งน้ำมันจะหยุดชะงักนั้น จะยังคงหนุนราคาน้ำมันโลกต่อไป หากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น