สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. ปรับตัวลง 87 เซนต์ ปิดที่ 101.5 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 25 เซนต์ ปิดที่ 110.44 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงหลังจาก EIA รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 9 พ.ค. เพิ่มขึ้น 947,000 บาร์เรล แตะที่ 398.5 ล้านบาร์เรล ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับตัวลดลง
ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึง heating oil และน้ำมันดีเซล ลดลง 1.1 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 113 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นราว 600,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 772,000 บาร์เรล แตะ 212 ล้านบาร์เรล ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 100,000 บาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันลดลงแตะ 88.8% จาก 90.2% ในสัปดาห์ก่อน สวนทางกับที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.5%
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นเครื่องชี้วัดการผลิตของภาคโรงงาน เหมืองแร่ และสาธารณูปโภค หดตัวลง 0.6% ในเดือนเม.ย. ขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิต ปรับตัวลดลง 0.7% สู่ระดับ 78.6% เนื่องจากสภาพอากาศที่ย่ำแย่ของสหรัฐได้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการผลิต
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ปิดบวกเนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองในยูเครนยังคงไม่แน่นอน โดยมีรายงานว่าสาธารณรัฐประชาชนโดเนทสค์ ในภาคตะวันออกของยูเครน ประกาศจัดตั้งสภานิติบัญญัติสูงสุดของตนเองหรือที่เรียกว่า Supreme Soviet โดยนายมิรอสลาฟ รูเดนโก หนึ่งในผู้นำของ “รัฐบาลของสาธารณรัฐ" กล่าว่า Supreme Soviet ประกอบด้วยสมาชิกสภานิติบัญญัติ 150 คน