สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.ลดลง 42 เซนต์ ปิดที่ 104.06 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 24 เซนต์ ปิดที่ 111 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงเพราะได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่า ท่าเรือเอส ซีเดอร์ และท่าเรือราส ลานุฟ ซึ่งเป็นท่าขนส่งน้ำมันดิบที่ใหญ่เป็นอันดับ 1 และอันดับ 3 ตามลำดับของลิเบีย สามารถเปิดดำเนินการเพื่อรองรับการเทียบท่าของเรือขนส่งน้ำมันดิบได้แล้วในขณะนี้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ท่าเรือหลายแห่งของลิเบียได้รับผลกระทบจากการถูกยึดครองโดยกลุ่มกบฎ
ทั้งนี้ ข่าวดังกล่าวทำให้ตลาดคาดการณ์ว่า อาจจะมีน้ำมันดิบราว 500,000 บาร์เรลจากลิเบียเข้าสู่ตลาดน้ำมันโลก ซึ่งจะฉุดราคาน้ำมันดิบให้ปรับตัวลดลง
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังปรับตัวลงหลังจากนายอับดุล การีม อัล-ลุยบิ รัฐมนตรีกระทรวงน้ำมันอิหร่านคาดการณ์ว่า ปริมาณการส่งออกน้ำมันอิรักจะเพิ่มขึ้นในเดือนก.ค. จากระดับ 2.5 ล้านบาร์เรล/วันในปัจจุบัน ขณะที่สถานการณ์ในอิรักก็ไม่ได้บานปลายไปยังทางตอนใต้ของประเทศ ซึ่งเป็นบริเวณที่มีการผลิตน้ำมันคิดเป็น 3 ใน 4 ของอิรัก
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลการจ้างงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐได้ช่วยสกัดแรงลบของสัญญาน้ำมันดิบในระหว่างวัน โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนมิ.ย.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 288,000 ตำแหน่ง มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 215,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราว่างงานปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 6.1% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 6 ปี บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงฟื้นตัวและมีแนวโน้มที่จะช่วยหนุนเศรษฐกิจให้ขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง