สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.ร่วงลง 2.10 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 100.83 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. และเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 12 พ.ค. หรือในรอบเกือบสองเดือน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 2.01 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 106.66 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 7 เม.ย. หรือในรอบสามเดือน
ราคาน้ำมันดิบทั่วโลกกำลังอยู่ในทิศทางขาลง โดยทั้งน้ำมัน WTI และ Brent ต่างปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่สาม โดยลดลง 3.1% และ 3.6% ตามลำดับ เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับอุปทานจากอิรักและลิเบียได้เริ่มบรรเทาเบาบางลง
สถานการณ์รุนแรงในอิรักไม่ได้แผ่ขยายไปทางตอนใต้ ซึ่งเป็นแหล่งผลิตน้ำมันใหญ่สุดของประเทศ และการส่งออกจากทางใต้ของอิรักในเดือนนี้ก็อาจฟื้นตัวขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 2.6 ล้านบาร์เรล/วัน เทียบกับระดับ 2.42 ล้านบาร์เรลในเดือนมิ.ย. ทั้งนี้ อิรักเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับสองของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก)
สำหรับความเคลื่อนไหวล่าสุดในอิรักนั้น กระทรวงน้ำมันของอิรักออกแถลงการณ์ระบุว่า กองกำลังชาวเคิร์ดได้เข้าควบคุมแหล่งน้ำมันไบ ฮัสซัน และเคอร์คุกได้ในวันศุกร์
ขณะที่อุปทานน้ำมันของลิเบียได้เพิ่มสูงขึ้น หลังจากที่แหล่งน้ำมันเอล ชารารา และคลังส่งออกน้ำมันสองแห่งได้เริ่มกลับมาเปิดดำเนินการอีกครั้ง โดยเจ้าหน้าที่จากเนชั่นแนล ออยล์ คอร์ป เผยเมื่อวันพฤหัสบดีว่า แหล่งน้ำมันเอล ชารารา ทางตอนใต้ของประเทศ กำลังเพิ่มการผลิตน้ำมัน และได้เพิ่มผลผลิตน้ำมันของประเทศเป็น 350,000 บาร์เรล/วันแล้วในขณะนี้
นอกจากนี้ สถานการณ์ด้านอุปทานยังคลี่คลายลงอีก เมื่อข้อมูลจากทางการสหรัฐเผยให้เห็นว่า สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง ซึ่งเป็นจุดส่งมอบสัญญาน้ำมันตลาด NYMEX ปรับตัวเพิ่มขึ้น 447,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว