สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.พุ่งขึ้น 1.46 ดอลลาร์ ปิดที่ 104.59 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 44 เซนต์ ปิดที่ 107.68 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นเนื่องจากสถานการณ์รุนแรงในยูเครน โดยประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐกล่าวว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงในการกดดันให้กลุ่มแบ่งแยกดินแดนหันมาร่วมมือกับนานาประเทศ เพื่อช่วยสอบสวนกรณีการตกของเครื่องบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ ซึ่งคร่าชีวิตผู้โดยสารเกือบ 300 คน
ทั้งนี้ รัสเซียกำลังเผชิญกับแรงกดดันจากนานาประเทศว่าอาจจะมีส่วนรู้เห็นต่อการตกของเครื่องบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ ซึ่งคร่าชีวิตประชาชนเกือบ 300 คน โดยนายจอห์น เคอร์รี่ รมว.ต่างประเทศสหรัฐเปิดเผยว่า สหรัฐมีหลักฐานที่บ่งชี้ว่าจรวดที่กลุ่มกบฏใช้ยิงเครื่องลำดังกล่าวตกในยูเครนนั้น เป็นของรัสเซีย
นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายยังได้รับผลกระทบจากการสู้รบระหว่างกลุ่มฮามาสและอิสราเอลในฉนวนกาซา โดยกระทรวงสาธารณสุขของปาเลสไตน์เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ที่อิสราเอลใช้ปฏิบัติการทางทหารเป็นวงกว้างในฉนวนกาซาซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 8 ก.ค.นั้น ได้คร่าชีวิตชาวปาเลสไตน์ไปแล้วกว่า 500 คน
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันพุธนี้ เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย
ส่วนสต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 11 ก.ค. ร่วงลง 7.5 ล้านบาร์เรล แตะที่ 375 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์ในตลาดคาดการณ์ไว้ว่าจะลดลงเพียง 2.5 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง ซึ่งเป็นจุดส่งมอบน้ำมัน NYMEX ปรับตัวลดลง 600,000 บาร์เรล แตะที่ 20.3 ล้านบาร์เรล และปริมาณการผลิตน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 780,000 บาร์เรลต่อวัน สู่ระดับ 8.592 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2529