สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 31 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 97.65 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่ตลอดสัปดาห์ สัญญา WTI ลดลง 0.2%
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 42 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 105.02 ดอลลาร์/บาร์เรล สำหรับตลอดสัปดาห์ สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ขยับขึ้น 0.2%
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวผันผวนในช่วงการซื้อขาย เนื่องจากนักลงทุนกำลังประเมินถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับอุปทานน้ำมันทั่วโลกอันเนื่องมาจากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของสหรัฐในอิรัก
กระทรวงกลาโหมของสหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า เครื่องบินของกองทัพสหรัฐได้ทิ้งระเบิดเข้าใส่ปืนใหญ่ที่กองกำลังกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลามใช้โจมตีกองกำลังของชาวเคิร์ดใกล้กับเมืองเออร์บิล หลังจากที่ประธานาธิบดีโอบามาได้อนุมัติการโจมตีทางอากาศในอิรัก เพื่อปกป้องบุคลากรสหรัฐ รวมถึงการส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยชนทางอากาศ ให้แก่ชนกลุ่มน้อยที่ถูกปิดล้อมโดยกลุ่มรัฐอิสลามในอิรักและซีเรีย (ISIS)
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์กล่าวว่า ในระยะยาวนั้น การที่กองทัพสหรัฐยื่นมือเข้ามาช่วยเหลืออิรักจะเป็นผลดีต่ออุปทานน้ำมัน เนื่องจากชาวเคิร์ดจะสามารถยึดแหล่งน้ำมันกลับมาจากกลุ่มติดอาวุธได้ ซึ่งกระแสคาดการณ์ดังกล่าวนี้ได้ส่งผลให้น้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวลดลง
ขณะที่สถานการณ์ตึงเครียดในรัสเซีย ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายสำคัญอีกรายหนึ่งนั้น มีแนวโน้มว่าจะบรรเทาลง หลังจากที่รัสเซียได้ยุติการฝึกปฏิบัติการทางทหารใกล้กับชายแดนของยูเครน
ด้วยเหตุที่การส่งออกน้ำมันดิบและก๊าซของรัสเซียไปยังยุโรปนั้นดำเนินการผ่านทางยูเครนเป็นส่วนใหญ่ สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนจึงได้ผลักดันให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดี เมื่อรัสเซียตอบโต้มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐและยุโรปด้วยการประกาศห้ามนำเข้าอาหารจากประเทศเหล่านี้