สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.ร่วงลง 1.09 ดอลลาร์ ปิดที่ 94.45 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 94 เซนต์ ปิดที่ 101.83 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบได้รับปัจจัยลบจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโร หลังจากอีซีบีประกาศลดอัตราดอกเบี้ยพื้นฐานที่อีซีบีเรียกเก็บจากเงินกู้ที่ปล่อยให้แก่สถาบันการเงิน (Main refinancing operation) ลงสู่ระดับ 0.05% และปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่อีซีบีจ่ายให้แก่ธนาคารที่นำเงินมาฝากกับอีซีบี (Deposit facility) ลงสู่ระดับ -0.2%
การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้สกัดปัจจัยบวกจากรายงานที่ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลดลงในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 9 ส.ค. โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐ (EIA) ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง ซึ่งเป็นจุดส่งมอบสัญญาน้ำมันดิบ ร่วงลง 400,000 บาร์เรล สู่ระดับ 20.3 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันดิบทั่วประเทศ ลดลง 900,000 บาร์เรล แตะที่ 359.6 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลด้านแรงงานที่อ่อนแอของสหรัฐ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 30 ส.ค. เพิ่มขึ้น 4,000 ราย สู่ระดับ 302,000 ราย ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ระดับ 300,000 ราย ขณะที่ตัวเลขจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐในเดือนส.ค. ปรับตัวขึ้น 204,000 ตำแหน่ง ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 220,000 ตำแหน่ง
นักลงทุนติดตามสถานการณ์ในยูเครนอย่างใกล้ชิด หลังจากประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย ได้เสนอแผน 7 ประการเพื่อยุติการปะทะทางทหารในพื้นที่ตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครน ซึ่งได้คร่าชีวิตผู้คนไปว่า 2,600 ราย นับตั้งแต่เดือนมี.ค.