สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 1.16 ดอลลาร์ ปิดที่ 92.83 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 4 เซนต์ ปิดที่ 98.08 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นเนื่องจากสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางเริ่มส่งสัญญาณรุนแรงมากขึ้น หลังจากประธานาธิบดีบารัค โอบามาแห่งสหรัฐได้ออกแถลงการณ์ทางโทรทัศน์เกี่ยวกับแผนการที่จัดการกับกลุ่มกองกำลังรัฐอิสลาม (IS) เมื่อวานนี้ โดยผู้นำสหรัฐให้คำมั่นว่า “จะไม่ลังเล" ที่จะดำเนินการต่อกลุ่ม IS ในซีเรีย
ประธานาธิบดีสหรัฐกล่าวว่า สหรัฐจะร่วมมือกับพันธมิตรในการตัดกำลังและทำลายกองกำลังของ IS ในท้ายที่สุด ซึ่งกลุ่มดังกล่าวได้ก่อภัยคุกคามต่อประชาชนชาวอิรักและซีเรีย ภูมิภาคตะวันออกกลางโดยรวม ซึ่งรวมถึงพลเรือน บุคลากรและสิ่งปลูกสร้างของชาวอเมริกันด้วย
นอกจากนี้ สถานการณ์ตึงเครียดในรัสเซียก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่หนุนสัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นด้วย หลังจากที่สหภาพยุโรปประกาศว่า มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียรอบใหม่นั้น จะมีผลบังคับใช้ในวันศุกร์ที่ 12 ก.ย. ซึ่งรวมถึงการคว่ำบาตรในอุตสาหกรรมพลังงาน การเงิน และอายัดทรัพย์สินของบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ไม่สงบในยูเครน
ทั้งนี้ รัสเซียเป็นผู้ผลิตพลังงานรายใหญ่ของโลก โดยกว่า 70% ของน้ำมันดิบและก๊าซที่ผลิตได้ในรัสเซียนั้น จะถูกส่งออกไปยังยุโรปโดยผ่านทางยูเครน ดังนั้นความไม่แน่นอนใดๆก็ตามที่เกิดขึ้นรอบเขตแดนของยูเครนย่อมส่งผลกระทบต่อตลาดน้ำมันโลก
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบได้รับแรงกดดันในระหว่างวันเนื่องจากข้อมูลแรงงานที่ซบเซาของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนส.ค.เพิ่มขึ้นเพียง 142,000 ตำแหน่ง ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 225,000 ตำแหน่ง