สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 65 เซนต์ ปิดที่ 92.92 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 46 เซนต์ ปิดที่ 96.65 ดอลลาร์/บาร์เรล
ในช่วงแรกนั้น สัญญาน้ำมันดิบได้รับแรงกดดันหลังจากจีนและสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซา โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนเปิดเผยว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนในเดือนส.ค.ขยายตัว 6.9% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอลงจากระดับ 9% ในเดือนก.ค.
ขณะที่เฟดเปิดเผยว่า การผลิตในภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค.ของสหรัฐหดตัวลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนม.ค. นับเป็นอีกสัญญาณบ่งชี้ถึงการขยายตัวที่ยังไม่ต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นในเวลาต่อมาและสามารถปิดในแดนลบ เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อเก็งกำไรก่อนที่จะทราบผลการประชุมเฟด โดยมีกระแสคาดการณ์ว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงเวลาที่เร็วกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ พร้อมกับจับตาดูแถลงการณ์ภายหลังการประชุมของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) ในวันพรุ่งนี้เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย
ส่วนในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 5 ก.ย.ที่ผ่านมานั้น สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 972,000 บาร์เรล แตะ 358.6 ล้านบาร์เรล ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะร่วงลง 1.2 ล้านบาร์เรล ขณะที่สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง รัฐโอคลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งสัญญทาน้ำมันดิบ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 78,000 บาร์เรล สู่ระดับ 20.4 ล้านบาร์เรล