สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 69 เซนต์ ปิดที่ 91.56 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 12 เซนต์ ปิดที่ 96.85 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ดีดตัวขึ้นหลังจากมีรายงานว่า กองกำลังทหารของสหรัฐและชาติพันธมิตรอาหรับได้เปิดฉากโจมตีทางอากาศต่อกลุ่ม IS ในซีเรียเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นการโจมตีครั้งแรกต่อกลุ่มดังกล่าวนับตั้งแต่ประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐ ได้ประกาศในเดือนนี้ว่า สหรัฐพร้อมที่จะเพิ่มการโจมตีต่อเป้าหมายในอิรัก
นายจอห์น เคอร์บี โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐยืนยันว่า กองกำลังทหารของสหรัฐและชาติพันธมิตรกำลังใช้ปฏิบัติการทางทหารโจมตีกลุ่ม IS ในซีเรีย โดยจะใช้หน่วยรบแบบผสม ทั้งหน่วยทิ้งระเบิด และขีปนาวุธโจมตีภาคพื้นดิน โดยสหรัฐได้ขยายเป้าหมายการโจมตีไปยังซีเรีย หลังจากกลุ่มติดอาวุธได้สังหารชาวอเมริกัน 2 คน และชาวอังกฤษ 1 คน
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ยังปรับตัวขึ้นขานรับรายงานของมาร์กิตที่ระบุว่า เอชเอสบีซี โฮลดิงส์ เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นของจีนในเดือนก.ย.เพิ่มขึ้นแตะ 50.5 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน จาก 50.2 ในเดือนส.ค.
ขณะที่ PMI ภาคการผลิตของสหรัฐอยู่ที่ 57.9 ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบมากกว่า 4 ปี ในขณะที่การจ้างงานในกลุ่มบริษัทผู้ผลิตเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 2 ปีครึ่ง
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ในตลาดลอนดอนปิดตลาดอ่อนแรงลงหลังจากมีรายงานว่า บ่อน้ำมันซาฮารา ซึ่งเป็นบ่อน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดของลิเบีย ไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์โจมตีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และจะเริ่มกลับมาดำเนินการผลิตได้อีกครั้งในเร็วๆนี้ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนกังวลว่าอุปทานน้ำมันจากตะวันออกกลางจะสูงขึ้น และจะกดราคาน้ำมันปรับตัวลง