สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.ลดลง 27 เซนต์ ปิดที่ 92.53 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 5 เซนต์ ปิดที่ 97 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบได้รับแรงกดดันหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ร่วงลง 18.2% ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 18% เนื่องจากยอดสั่งซื้อเครื่องบินพลเรือนลดลงอย่างมาก ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้ตลาดวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะชะลอตัวของภาคการผลิตสหรัฐ
นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐก็ออกมาซบเซาเช่นกัน รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 20 ก.ย. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 12,000 ราย แตะที่ 293,000 ราย และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนก.ย.ของสหรัฐ อยู่ที่ระดับ 58.5 ลดลงจากเดือนส.ค.ที่ระดับ 59.5
นอกจากนี้ การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังส่งผลให้นักลงทุนเทขายสัญญาน้ำมันดิบ เพราะการแข็งค่าของดอลลาร์จะส่งผลให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางยังคงเป็นแรงหนุนต่อตลาดและช่วยพยุงไม่ให้สัญญาน้ำมันปรับตัวลดลงมากเกินไป โดยมีรายงานว่าเครื่องบินรบของสหรัฐและกลุ่มประเทศอาหรับได้โจมตีโรงกลั่นน้ำมันขนาดเล็กที่ทางกลุ่มรัฐอิสลาม (IS) ยึดครองอยู่ทางตะวันออกของซีเรีย ซึ่งมีเป้าหมายที่จะบั่นทอนรายได้ของกลุ่ม IS
รายงานข่าวระบุว่า กลุ่ม IS อาจจะระดมทุนได้กว่า 2 ล้านดอลลาร์ต่อวัน จากรายได้ที่ขายน้ำมันในอิรักและซีเรีย โดยกลุ่ม IS ได้ยึดครองบ่อน้ำมันหลายแห่งในพื้นที่ฝั่งตะวันออกของซีเรีย และโรงกลั่นน้ำมัน 2 แห่งในพื้นที่ตอนเหนือของอิรัก