สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 28 เซนต์ ปิดที่ 91.01 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 74 เซนต์ ปิดที่ 93.42 ดอลลาร์/บาร์เรล
ในระหว่างวันนั้น สัญญาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงไปแตะระดับ 88.18 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 17 เดือน หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนส.ค.หดตัวลง 10.1% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2535 และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลง 9.3%
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลแรงงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐได้ช่วยพยุงสัญญาน้ำมันให้ดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในระหว่างวัน โดยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 27 ก.ย. ลดลง 8,000 ราย สู่ระดับ 287,000 ราย สวนทางกับนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ซึ่งคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 297,000 ราย
นักลงทุนจับตาดูกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนก.ย.ในวันศุกร์ ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะปรับตัวขึ้น 215,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. หลังจากเพิ่มขึ้นเพียง 142,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูความเคลื่อนไหวของซาอุดิอาระเบีย หลังจากบริษัทซาอุดิอาราเบียน ออยล์ โค ได้ปรับลดราคาขายน้ำมันดิบสำหรับลูกค้าในเอเชีย โดยได้ปรับลดราคาลงราว 20 เซนต์ ถึง 1.2 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ส่วนสถานการณ์ในรัสเซียก็อยู่ในความสนใจของตลาดเช่นกัน โดยล่าสุดมีรายงานว่าประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย และธนาคารกลางรัสเซีย ได้ปฏิเสธข่าวที่ว่า รัสเซียใช้มาตรการต่างๆเพื่อยับยั้งเม็ดเงินไหลออกนอกประเทศ หลังจากมีกระแสคาดการณ์ว่าธนาคารกลางรัสเซียอาจจะใช้มาตรการควบคุมเงินทุน ซึ่งส่งผลให้สกุลเงินรูเบิลร่วงลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์