สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.ลดลง 6 เซนต์ ปิดที่ 81.78 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย.ร่วงลง 1.26 ดอลลาร์ ปิดที่ 83.78 ดอลลาร์/บาร์เรล
ตลาดน้ำมันยังคงได้รับปัจจัยลบจากรายงานของ IEA ที่ระบุว่า คาดว่าในปีนี้ทั่วโลกจะใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นประมาณ 650,000 บาร์เรล/วัน ซึ่งต่ำกว่าคาดการณ์คราวก่อน 250,000 บาร์เรล
นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐยังได้ส่งผลกระทบต่อภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมัน รวมถึงยอดค้าปลีกเดือนก.ย.ร่วงลง 0.3% มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 0.1% ขณะที่ดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) ซึ่งเป็นการสำรวจกิจกรรมการผลิตในเขตนิวยอร์ก ร่วงลงแตะ 6.17 ในเดือนต.ค. จากเดือนก.ย.ที่ระดับ 27.54 และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจขยับขึ้น 0.2% ในเดือนส.ค. น้อยกว่าที่ที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4%
ข้อมูลเงินเฟ้อที่ซบเซาของจีนและเยอรมนีนับเป็นอีกปัจจัยที่สร้างแรงกดดันต่อตลาดน้ำมัน โดยจีนเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในเดือนก.ย.ขยายตัว 1.6% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอตัวลงรุนแรงมากกว่าที่คาด และแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2553 ขณะที่เยอรมนีรายงานว่า อัตราเงินเฟ้อของเยอรมนีในเดือนก.ย.ขยายตัว 0.8% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นอัตราเดียวกันกับเดือนส.ค.และก.ค.
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังปรับตัวลงจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 10 ต.ค. ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะรายงานในวันพฤหัสบดีนี้ จะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 3 ต.ค. สต็อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้นถึง 5 ล้านบาร์เรล ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์