สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 1.76 ดอลลาร์ ปิดที่ 78.78 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค.ดิ่งลง 1.08 ดอลลาร์ ปิดที่ 84.78 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงหลังจากมีรายงานว่าการปิโตรเลียมซาอุดิอาระเบียได้ปรับลดราคาน้ำมันดิบที่ส่งออกให้กับสหรัฐ
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ หลังจากมีกระแสคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากที่มีมุมมองเป็นบวกว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง
ตลาดน้ำมันนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากความผันผวของข้อมูลภาคการผลิตในสหรัฐ โดยมาร์กิตเปิดเผยผลสำรวจที่ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐในเดือนต.ค.ลดลงแตะ 55.9 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน จาก 57.5 ในเดือนก.ย.
ขณะที่สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตเดือนต.ค.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 59 จาก 56.6 ในเดือนก.ย. นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างในเดือนก.ย.ปรับตัวลง 0.4% สู่ระดับ 9.509 แสนล้านดอลลาร์ โดยเป็นการปรับลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ประเมินไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.7%
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันพุธนี้ หลังจากสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 24 ต.ค.เพิ่มขึ้น 2.1 ล้านบาร์เรล แตะ 379.7 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง รัฐโอคลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งน้ำมัน ปรับตัวเพิ่มขึ้น 776,000 บาร์เรล สู่ระดับ 21.4 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 20 มิ.ย.