สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค.ปรับตัวขึ้น 1.61 ดอลลาร์ หรือ 2.2% ปิดที่ 75.82 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 3 ก.ย. สำหรับตลอดสัปดาห์ ราคาร่วงลง 3.6%
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค.ปรับตัวขึ้น 1.92 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 79.41 ดอลลาร์/บาร์เรล และร่วงลง 5.4% ในรอบสัปดาห์
ราคาน้ำมันได้แรงหนุนจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า การร่วงลงของราคาน้ำมันทำให้มีความเป็นไปได้ที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) จะลดการผลิตลง โดยบีเอ็นพี พาริบาส์ ระบุในรายงานว่า โอเปคอาจจำเป็นต้องลดการผลิตลง 1-1.5 ล้านบาร์เรล/วัน เพื่อหนุนราคา
โอเปค ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบหนึ่งในสามของโลก จะจัดประชุมที่กรุงเวียนนาในวันที่ 27 พ.ย.นี้ ขณะที่มีรายงานข่าวออกมาอย่างต่อเนื่องในช่วงนี้ว่า บรรดาสมาชิกโอเปคเรียกร้องให้ทางกลุ่มลดการผลิต แม้อาลี อัล-โอแมร์ รัฐมนตรีน้ำมันคูเวต กล่าวในอาบูดาบีเมื่อวันจันทร์ว่า เขาไม่คิดว่าโอเปคจะตัดสินใจลดการผลิตในการประชุมหนนี้
ราคาน้ำมันดิบร่วงลงอย่างหนักในวันพฤหัสบดี จากความวิตกเกี่ยวกับอุปทานล้นตลาด โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลง 2.97 ดอลลาร์ หรือ 3.9% ปิดที่ 74.21 ดอลลาร์/บาร์เรล และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ร่วงลง 2.46 ดอลลาร์ หรือ 3.1% ปิดที่ 77.92 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิง ซึ่งเป็นจุดส่งมอบสัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว
โดย EIA รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิงพุ่งขึ้น 1.704 ล้านบาร์เรล แตะที่ 22.5 ล้านบาร์เรลในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 7 พ.ย. ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์พลังงานในสหรัฐ
EIA ระบุว่าการคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบนั้นมีความไม่แน่นอน เนื่องจากความเป็นไปที่ว่าอาจมีการเปลี่ยนแปลงด้านอุปทานจากทางกลุ่มโอเปค โดยเฉพาะซาอุดิอาระเบีย