สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค.ลดลง 7.54 ดอลลาร์ ปิดที่ 66.15 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค.ลดลง 2. 43 ดอลลาร์ ปิดที่ 70.15 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงมากกว่า 7 ดอลลาร์ หลังจากที่ประชุมโอเปคมีมติคงเพดานการผลิตน้ำมันเอาไว้ที่ 30 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าโอเปคจะปรับลดเพดานการผลิต โดยบีเอ็นพี พาริบาส์คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าโอเปคอาจจะลดเพดานการผลิตลงราว 1-1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่มอร์แกน สแตนลีย์ ก็คาดว่าโอเปคจะเพดานการผลิตเช่นกัน เพื่อหนุนราคาน้ำมันให้สูงขึ้น
ก่อนหน้านี้สมาชิกกลุ่มโอเปคยังคงมีมุมมองที่แตกต่างกันเกี่ยวกับเพดานการผลิตน้ำมัน โดยเวเนซูเอล่าและอิหร่านต่างก็ส่งสัญญาณว่าโอเปคควรจะปรับลดการผลิต ในขณะที่ซาอุดิอาระเบียซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่ของกลุ่มโอเปคนั้น สนับสนุนให้มีการปรับลดราคาน้ำมันเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งตลาด แทนการปรับลดการผลิต
นักวิเคราะห์จากธนาคารโซซิเอเต เจนเนอราล แสดงความเห็นว่า "เรากำลังเข้าสู่ราคาน้ำมันยุคใหม่ ซึ่งตลาดจะเป็นตัวกำหนดภาวะอุปทาน ไม่ใช่ซาอุดิอาระเบียหรือกลุ่มโอเปคอีกต่อไป"
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากมีรายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 21 พ.ย.ของสหรัฐพุ่งขึ้น 1.9 ล้านบาร์เรล แตะ 383 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 27 มิ.ย. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 100,000 บาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง รัฐโอคลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งน้ำมัน ปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะ 24.6 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 25 เม.ย.