สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 1.33 ดอลลาร์ ปิดที่ 49.57 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 1.76 ดอลลาร์ ปิดที่ 54.75 ดอลลาร์/บาร์เรล
ในช่วงแรกนั้น สัญญาน้ำมันดิบ WTI ได้รับแรงกดดันจากรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) และสหพันธ์พลาธิการและการจัดซื้อของจีน (CFLP) ที่ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต ลดลงสู่ระดับ 49.8 ในเดือนม.ค. จากระดับ 50.1 ในเดือนธ.ค.
แต่หลังจากนั้นไม่นาน สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้น ขานรับผลการสำรวจของเบเกอร์ ฮิวจ์ที่ระบุว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐ ปรับตัวลง 7% ในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์มองจำนวนแท่นขุดเจาะที่ลดลงเป็นสัญญาณว่า การร่วงลงของราคาน้ำมันจะส่งผลต่อการผลิตน้ำมันในอนาคต
บริษัทรอยัล ดัทช์ เชลล์ ประกาศตัดงบรายจ่ายด้านการลงทุน 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วง 3 ปีข้างหน้า หลังเผยกำไรลดลงจากการทรุดตัวของราคาน้ำมัน
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังพุ่งขึ้นจากข่าวที่ว่า คนงานของสหภาพแรงงานในโรงกลั่นน้ำมันและโรงงานเคมีภัณฑ์ 9 แห่ง ทำการผละงานประท้วงเป็นวันที่ 2 เมื่อวานนี้ ขณะที่ต้องการทำสัญญาฉบับใหม่ทั่วประเทศกับบรรดาบริษัทน้ำมันซึ่งจะครอบคลุมถึงพนักงานในโรงงานน้ำมันถึง 63 แห่ง
การเจรจาระหว่างสหภาพแรงงานและฝ่ายบริหารของบริษัทน้ำมันไม่มีความคืบหน้า ท่ามกลางการดิ่งลงของราคาน้ำมันถึงเกือบ 60% นับตั้งแต่เดือนมิ.ย.ปีที่แล้ว ซึ่งส่งผลให้บริษัทน้ำมันปรับลดค่าใช้จ่ายในการผลิตน้ำมัน
ทั้งนี้ การประท้วงดังกล่าวถือเป็นการแสดงออกครั้งแรกเพื่อสนับสนุนการทำสัญญาทั่วประเทศนับตั้งแต่ปี 1980 โดยพุ่งเป้าไปยังโรงงานน้ำมันที่มีกำลังการกลั่นน้ำมันรวมกัน 10%