สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 1.21 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 51.69 ดอลลาร์/บาร์เรล สำหรับทั้งสัปดาห์ สัญญาพุ่งขึ้นถึง 7.2% ซึ่งเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2554
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 1.23 ดอลลาร์ หรือ 2.2% ปิดที่ 57.80 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยตลอดสัปดาห์ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์พุ่งขึ้น 9.1%
ราคาน้ำมันดิบเคลื่อนไหวผันผวนในสัปดาห์นี้ โดยราคาดีดตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือนเมื่อวันอังคาร ก่อนร่วงลงอย่างหนักในวันพุธ จากนั้นจึงปรับตัวขึ้นในช่วงปลายสัปดาห์
ราคาน้ำมันร่วงลงอย่างหนักเมื่อวันพุธ หลังข้อมูลแสดงให้เห็นว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 30 ปี โดยสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้น 6.3 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 3.5 ล้านบาร์เรล ขณะที่สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบสัญญาน้ำมัน เพิ่มขึ้น 2.5 ล้านบาร์เรล
อย่างไรก็ดี ในการซื้อขายวันศุกร์ เทรดเดอร์คลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันที่สูงเกินไป และหันมาให้ความสนใจกับสัญญาณของการปรับลดการผลิตในอนาคต
ข้อมูลจากบริษัท เบเกอร์ ฮิวส์ แสดงให้เห็นว่า บ่อขุดเจาะน้ำมันที่มีการผลิตในสหรัฐลดลง 9% ในสัปดาห์ล่าสุด ซึ่งลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 9 ติดต่อกันแล้ว สู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2554
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ภาวะอุปทานล้นตลาดไม่สามารถอันตรธานหายไปได้เพียงข้ามคืน แต่ขณะนี้มีสัญญาณว่าราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำกำลังทำให้หลายบริษัทชะลอการผลิต
บรรดานักวิเคราะห์และเทรดเดอร์มองว่า ราคาน้ำมันน่าจะลดลงถึงจุดต่ำสุดแล้ว เนื่องจากผู้ผลิตเริ่มมีปฏิกิริยาต่อราคาน้ำมันที่ร่วงลงด้วยการปรับลดการลงทุนและลดกิจกรรมการขุดเจาะ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งเตือนว่า ตลาดน้ำมันโลกยังประสบภาวะอุปทานล้นตลาดอยู่ และมีสัญญาณน้อยมากที่อุปสงค์จะฟื้นตัวขึ้น ดังนั้นราคาน้ำมันจึงอาจปรับตัวลดลงอีก
สำหรับภาวะการซื้อขายในวันศุกร์นั้น ข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสก็ช่วยหนุนราคาน้ำมันดิบเช่นกัน โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 257,000 รายในเดือนม.ค. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การจ้างงานจะเพิ่มขึ้นที่ราว 230,000 ราย โดยตัวเลขการจ้างงานในเดือนม.ค.ถือเป็นเดือนที่ 11 ติดต่อกันที่การจ้างงานเพิ่มขึ้นมากกว่า 200,000 ราย
นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐยังได้ทบทวนตัวเลขการจ้างงานในเดือนพ.ย.และธ.ค. โดยปรับเพิ่มขึ้น 147,000 ตำแหน่งจากที่มีการรายงานก่อนหน้านี้
ขณะที่อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อย สู่ระดับ 5.7% จาก 5.6% ในเดือนธ.ค.